"นั่นเป็นครั้งที่หนักที่สุด รองลงมาอีกสองสามครั้ง ช่วงที่อยู่ชายแดนนั้น อาตมารู้สึกสงสารกำลังพลเพราะว่าเสบียงทหารแย่จริง ๆ อาหารหลักคือปลาทูเค็ม และปลาทูเค็มที่เขาส่งมาจะบางเป็นกระดาษเลย เขาเอาใส่เข่งแล้ววางทับ ๆ กันไป ตัวข้างล่างแบนเป็นกระดาษ ถึงเวลาจะกินทีต้องบีบมะนาวใส่แล้วเอาช้อนขูด ๆ ให้เนื้อฟูขึ้นมา แล้วค่อยกินได้
เห็นทหารกินแล้วสงสาร จึงคุยกันว่า เราไปหาอาหารสดมากันดีไหม ? เขาถามว่าจะทำอย่างไร ? อาตมาบอกว่า วิ่งเข้าไปเอาที่อรัญประเทศ ระยะทาง ๕๐ กว่ากิโลเมตร ถ้าพวกเราตกลงกันได้ ข้าจะไปเอง..!
ตอนช่วงนั้นรถเสบียงจะโดนปล้นทุกวัน ถ้าไม่บ้าพอก็ไม่มีใครกล้าไป ตกลงกันว่า หักเบี้ยเลี้ยงคนละ ๑๑ บาทต่อวัน เพื่อไปซื้ออาหารสดมาประกอบเลี้ยงกำลังพล วิ่งเข้าวิ่งออกอยู่ทุกสามวัน วันร้ายคืนร้าย ระหว่างที่วิ่งกลับ บรรทุกเสบียงมาเต็มคัน ตรงระหว่างรอยต่อของร้อยสามกับร้อยสอง จะเป็นช่วงว่างพอดี ทหารเขมรมาแอบซุ่มอยู่ พวกเราก็ไม่รู้ เพราะสุดเขตตรวจการของทั้งสองฝ่ายพอดี เขาแอบเจาะเข้ามา
พอพวกเราผ่าน เขาก็เล่นด้วยอาร์พีจี อาร์พีจีตอนนั้นมีสองประเภท คือ อาร์พีจี ๒ จะเก่าหน่อย และอาร์พีจี ๗ จะใหม่หน่อย อาร์พีจีเป็นเครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถังโดยเฉพาะ
อาร์พีจีมีจุดอ่อนอยู่อย่างหนึ่ง เวลายิงเสียงจะดังก่อน เสียงดังแว้ดมาก่อนค่อยส่งลูกออกไป ตอนนั้นพลขับคือ จ่าสิบเอกสมชัย สะอิ้งทอง ไม่รู้ว่าจ่าแกกระทืบเบรกท่าไหน รถหยุดกึ้กเลย อาร์พีจีตกตูมลงข้างหน้ารถ ห่างไม่ถึงสิบเมตร แรงปะทะขนาดนั้นเล่นเอาพวกเราหงายหลังติดเบาะ บอกไม่ถูกว่าหนักแค่ไหน รู้แต่ว่าตับไตไส้พุงแทบจะพุ่งออกทางปาก..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2011 เมื่อ 20:17
|