พระอาจารย์กล่าวว่า สุนทรภู่ท่านบอกว่า "อันตัณหาราคะนั้นสาหัส ถ้าใครตัดเสียได้ฉันให้ถอง อุตส่าห์เรียนวิชาหาเงินทอง ก็เพราะของสิ่งเดียวมันเกี่ยวกวน"
จะว่าไปแล้ว ราคะนั้นเป็นตัวสร้างโลกมาโดยตลอด ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงไม่ได้เกิดมาพบพระธรรมกันหรอก แต่เพียงแต่ว่าเราต้องแยกแยะให้ออกว่าเป็นกาเมสุมิจฉาจาร หรือเป็นกาเมสุสัมมาจาร ? ถ้าเป็นกาเมสุมิจฉาจาร คือ เราไปละเมิดสิ่งที่เป็นของ ๆ คนอื่น ถ้าเป็นกาเมสุสัมมาจาร อย่างน้อย ๆ ก็อยู่ในกรอบของศีล ไม่ได้ไปละเมิดของใคร ยินดีในเฉพาะคู่ครองของตนเอง
ถ้าเป็นภาษาบาลีเขาเรียกว่า สทารสันโดษ คือ ยินดีเฉพาะคู่ครองของตน พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ห้ามให้มีคู่ แต่ว่าพระอริยเจ้าตั้งแต่อนาคามีขึ้นไป ท่านหมดสภาพมีคู่ไม่ได้เอง ดังนั้น..เราจะเห็นว่านางวิสาขามหาอุบาสิกา หรือว่าอนาถปิณฑิกเศรษฐี ท่านเป็นพระโสดาบัน แต่ก็มีครอบครัวเป็นปกติ เพียงแต่ว่ายินดีเฉพาะในคู่ครองของตน
ดังนั้น..ถ้าขืนห้ามก็ไม่มีคนเกิดมากันพอดี แต่ไม่เป็นไรหรอก แม้ว่าอัตราการเกิดของพุทธของคริสต์จะอย่างไรก็ต่ำอยู่แล้ว แต่ของศาสนาอิสลามศาสนาเดียวเขาเกิดชดเชยได้หมด ศาสนาอิสลามเขาถือว่าการผลิตบุคลากร โดยเฉพาะผลิตศาสนิกด้วยวิธีการแต่งงานตั้งแต่อายุน้อย ๆ เป็นเรื่องปกติของเขาเลย"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 27-03-2011 เมื่อ 12:42
|