๔
อย่าไปผิดในทางศีล
"...อย่าไปโกงเขา อย่าไปขโมยเขา อย่าไปฆ่าเขา
อย่าไปผิดในทางศีล ๕ ที่มีอยู่
ถ้าไม่ผิดอันนั้นความเจริญก็มา..."
"...การปฏิบัติพุทธศาสนาเป้าหมายสูงสุดก็คือ วิมุติ แต่ระหว่างทางนั้น เราก็ต้องปฏิบัติเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเราจะมานั่งอยู่เฉย ๆ แล้วก็ให้ได้วิมุติมาถึงเรา อย่างนั้นไม่ถูก
เพราะว่าแต่ละคนก็มีชีวิต แต่ละคนก็ต้องปฏิบัติงานการของตัว เพื่อพยุงตัวให้อยู่ได้ แล้วก็เพื่อให้ส่วนรวมอยู่ได้ อันนี้ก็เป็นหน้าที่ในโลก แล้วแต่ฐานะของแต่ละคน
แต่ถ้าคนเราแต่ละคนมีฐานะใดก็ตาม มีอายุเท่าใดก็ตาม ปฏิบัติสิ่งที่ดีที่ชอบ ปฏิบัติสิ่งที่ไม่เบียดเบียนคนอื่น นั้นเป็นการสร้างสรรค์ส่วนรวมและเป็นการสร้างสรรค์สำหรับตัวเองให้มีความเจริญ
มีความเจริญแล้วมีความสามารถที่จะปฏิบัติทำจิตของตัวให้หลุดพ้นได้ ถ้าตราบใดที่เรายังไม่มีฐานะที่ดีพอสมควร ก็ยากในการที่จะปฏิบัติธรรมะ เพราะว่าถ้าหากว่าจะปฏิบัติธรรมะก็จะต้องสามารถที่จะมีเครื่องประกอบ คือร่างกายที่จะพอทนความลำบากยากเข็ญของการปฏิบัติ
การปฏิบัติของพระทั้งมวล ท่านก็บอกว่าท่านจะต้องใช้ปัจจัยอย่างแร้นแค้น ที่ว่าปัจจัยสี่ที่สำหรับพระท่าน เช่น อาหารก็ต้องจากบิณฑบาต ถ้าบิณฑบาตไม่ได้ก็อด นอกจากจะมีลาภที่เป็นอดิเรก
คือถ้าใครมาทำอาหารให้ก็ไม่ขัดข้องแต่ประการใด แต่ว่าหลักก็คือต้องไปบิณฑบาต ผ้าห่มก็ต้องไปเอาผ้าที่เขาทิ้งแล้วมาต่อเป็นไตรจีวร ถ้ามีไตรจีวรสำเร็จรูปที่เขามาถวายก็เป็นอดิเรกลาภที่จะรับได้เช่นเดียวกัน
สำหรับที่อยู่อาศัย สำหรับยารักษาโรคถือเป็นจตุปัจจัย อันนี้พระก็อยู่อย่างแร้นแค้นจริง ๆ ก็หมายความว่าไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรเลย ใครไม่ให้ ไม่มีสิ่งที่ไปประสบอย่างเช่นที่อยู่ ถ้าไม่มีใครสร้างกุฏิให้ก็อยู่ใต้ต้นไม้
เพราะว่าพระที่เป็นพระจริง ๆ แล้ว ท่านเรียกว่าท่านเหนียวแน่น ท่านไม่ต้องติดอะไรกับทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ หรือไม่มีทรัพย์ไม่มีสมบัติติดตัวเลย เมื่อทนได้อย่างนั้นก็สามารถปฏิบัติจิตใจได้ ไม่ติดอะไร
แต่สำหรับผู้ที่เป็นคฤหัสถ์ที่ทำหน้าที่การงานของตัวเรียกว่า ตามชั้น ตามฐานะ ก็ต้องทำมาหากินเพื่อที่จะพยุงตัวให้อยู่ได้ ญาติพี่น้องอยู่ได้ แต่ต้องทำอย่างดีมีศีล"