ดูแบบคำตอบเดียว
  #6  
เก่า 07-02-2011, 13:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พอทำการสวดอภิธรรมเสร็จ ต้องเคลื่อนโลงศพของหลวงพ่อท่านไปเผาที่ศาลา ๑๒ ไร่ แค่ข้ามฝั่งถนนเท่านั้น มีคนร้องไห้นับไม่ถ้วน

เราจะเห็นว่า ถ้าเป็นนักปฏิบัติที่แท้จริง จะมีเพียงธรรมสังเวช คือ เกิดสลดใจว่า แม้บุคคลที่ทรงความดีขนาดพระพุทธเจ้าก็ดี หรือหลวงพ่อก็ดี ไปนิพพานกันหมดแล้ว เราเองก็ต้องตายอย่างนั้นด้วยเช่นกัน จะเกิดความไม่ประมาท ตั้งใจปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อความหลุดพ้นของเรา

แต่นี่เราไปยึดในตัวบุคคล ในเมื่อยึดในตัวบุคคล แทนที่จะยึดในความดีของหลวงพ่อ พอเห็นโลงศพ ไม่ได้สนใจว่าโลงจริงหรือโลงปลอม หลวงพ่อถือสายสิญจน์นำโลงมาแท้ ๆ เขาก็ร้องไห้ไว้ก่อนแล้ว แสดงว่าไม่ได้ลืมตามาดูเลย ว่าใครเดินมาข้างหน้า

งานนั้นคนแน่นไปหมด จนอาตมาเดินไม่ได้ อาตมาที่เดินจูงสายสิญจน์อยู่ก็ต้องหยุด เพื่อรอคนเปิดทางให้ อยู่ ๆ ก็มีคนเตะก้น "ป้าบ..!" ก็หันไปดูว่าใครเตะกูวะ ? หันไปเจอหลวงพ่อ ท่านพยักหน้าบอกว่า "เดินสิโว้ย..หยุดทำไม ?" อ๋อ..หลวงพ่อเตะนี่เอง ก็คือถ้าอาตมาไม่เดินต่อ โยมเขาก็ไม่เปิดทางให้ อาตมาก็มัวแต่หยุดรอให้เขาเปิดทาง เลยไม่ต้องไปกันเสียที
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-02-2011 เมื่อ 15:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 256 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา