ถาม : ถ้าเราพิจารณาเห็นแล้วว่า...... (ไม่ได้ยิน) ไม่รู้ทำถูกหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เราจะเห็นหรือไม่เห็นก็ตาม ให้ดูอยู่อย่างเดียวว่า สิ่งนั้นใช้ในการตัดละกิเลสได้หรือไม่ ? นั่นคือเป้าหมายใหญ่ที่สุด
พอญาณเครื่องรู้เกิดขึ้น เราคิดอะไรก็จะแตกฉานไปหมด แต่จะแตกแขนงกว้างออกไปเรื่อย ๆ โดยที่เราเผลอลืมไปว่า สิ่งที่เราคิดนั้น ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในการตัดกิเลสเลย เราแค่เข้าใจสภาวะว่าเป็นอย่างไรเท่านั้น เพราะฉะนั้น..คุณต้องนึกย้อนกลับมาอีกที ว่าตรงนั้นช่วยในการตัดกิเลสได้หรือเปล่า ?
ระวังไว้ว่า..จะเป็นแค่ญาณในอุปกิเลส คือรู้อย่างเดียว รู้กว้างออกไปเรื่อย ๆ แล้วหาจุดลงไม่ได้
ถาม : แต่ก็เห็นว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป นะครับ
ตอบ : ขั้นตอนนี้เราต้องพิสูจน์ทราบด้วยตัวเองแล้วว่า เราสามารถเอามาใช้ตัดกิเลสได้หรือเปล่า ? ถ้าใช้ตัดกิเลสไม่ได้ ก็จบเห่..!
ระวังให้ดี..เวลาญาณเกิดขึ้น คิดอะไรก็เข้าใจแตกฉานไปหมด สร้างยานอวกาศได้เป็นลำเลย รู้ได้ขนาดนั้นจริง ๆ นะ..ขอยืนยัน
ถาม : แม้กระทั่งว่าเป็นญาณแยกแยะธาตุสี่ จนกระทั่งเรารู้สึกว่าร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา แต่ยังไม่สามารถที่จะตัดกิเลสได้ทันที ?
ตอบ : ถ้าจิตเรายังไม่ยอมรับ ก็ยังใช้ไม่ได้ ต้องย้ำแล้วย้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีกไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งจิตยอมรับจริง ๆ ว่านี่ไม่ใช่ของเรา เกิดรังเกียจเต็มที ไม่เอาอีกแล้ว
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-01-2011 เมื่อ 06:05
|