พระอาจารย์กล่าวว่า "งานฉลองบ้านวิริยบารมีวันที่ ๓๑ มีนาคมนี้ ถ้าใครไปร่วมงาน อาตมาจะแจกพระชัยวัฒน์เกราะเพชร ถ้าไม่ได้ไป ให้เตรียมบูชาเอาเองก็แล้วกัน หลังวันที่ ๓๑ มีนาคมแล้วจะแพงตามเดิม
พระชัยวัฒน์ สมัยก่อนท่านสร้างในลักษณะเป็นพระประจำองค์ของพระมหากษัตริย์ จนกระทั่งบางทีเขาเรียกกันง่าย ๆ ว่า พระชัยวัฒน์ประจำรัชกาล แต่ที่ชัดเจนที่สุดก็คือ รัชกาลที่ ๑ เพราะรัชกาลที่ ๑ จะนำเอาพระชัยวัฒน์ออกศึกด้วยทุกครั้ง โดยเอาขึ้นหลังช้างไป จนกระทั่งเขาเรียกกันว่า พระชัยหลังช้าง
พอมารุ่นหลัง อย่างสมัยสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสสะเทวะมหาเถระ) เวลาบรรดาเชื้อพระวงศ์ผู้ใหญ่จัดงานวันเกิด อย่างครบ ๕ รอบ (๖๐ ปี) มักจะขอให้พระองค์ท่านช่วยหล่อพระชัยวัฒน์ให้กับตนเองหรือคนในวงศ์ตระกูล แต่จะหล่อครั้งละแค่ไม่กี่องค์ เขาก็เลยถือว่าพระชัยวัฒน์เป็นพระสำคัญที่ค่อนข้างจะหายาก
คำว่า ชัยวัฒน์ นอกจากจะหมายถึง ชัยชนะแล้ว ยังมีความหมายว่าเจริญรุ่งเรืองอีกด้วย ระยะหลังมักจะมีการสร้างคู่กับพระกริ่ง โดยที่พระกริ่งจะเป็นองค์ใหญ่กว่า มีกริ่งข้างใน แต่พระชัยวัฒน์ที่เป็นองค์เล็กจะไม่มีกริ่ง
คราวนี้ที่อาตมาสร้าง พระท่านบอกให้ทำเอาไว้ ได้ทูลถามว่าทำเนื่องในโอกาสอะไรครับ ? พระองค์ท่านตรัสว่า เอาไว้แจกในงานฉลอง ไล่ไปไล่มา ถ้าไม่ฉลองพระครูสัญญาบัตร ก็คงจะฉลองพระอุปัชฌาย์ ไป ๆ มา ๆ วินาทีสุดท้ายแม้แต่พระอุปัชฌาย์ก็ไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะเข้าสอบ ก็คงจะเป็นการฉลองบ้านวิริยบารมีนั่นแหละ
ที่อาตมาสร้างเป็นพระชัยวัฒน์ที่ไม่เหมือนกับที่อื่นตรงที่มีบัวรอบองค์ ส่วนใหญ่ที่เขาทำกันกลีบบัวข้างหลังจะไม่มี อย่างพระกริ่งปวเรศจะมีบัวข้างหลังอยู่กลีบเดียว ที่อาตมาสร้างจะมีอยู่สามเนื้อ ในรูปที่เห็นเป็นเนื้อชุบทองพ่นทราย
กำลังสั่งเขาทำเนื้อเงินกับนวโลหะ ซึ่งคงจะราคาสูง เพราะว่าตอนนี้เงินกิโลหนึ่งเกือบสามหมื่นบาทแล้ว ตั้งใจว่าจะทำแค่ไม่กี่องค์หรอก อย่างเก่งแค่ ๒๐๐-๓๐๐ องค์ ให้ตีกันตายไปเลยว่าใครจะได้เป็น ๑ ใน ๓๐๐"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2011 เมื่อ 11:34
|