เราก็ตั้งหน้าตั้งตาดูว่า เราในปัจจุบันนี้มีความยินดีพอใจที่จะละกิเลสเพื่อเข้าสู่พระนิพพานหรือไม่ ? เรายังพากเพียรพยายามรักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา ใช้ปัญญาประกอบอยู่หรือไม่ ? เรายังมีกำลังใจที่ปักมั่นแน่วแน่ต่อเป้าหมายไม่คลอนคลายหรือไม่ ? และท้ายสุด เราทำอะไร ? เพื่ออะไร ? ตอนนี้อยู่ตรงจุดไหน ? เหลือเป้าหมายอีกใกล้ไกลเท่าไร ? เรารู้ตัวอยู่หรือไม่ ?
หรือว่าเราระมัดระวังรักษาใจของเราให้ปลอดจากความชั่วได้เท่าไร ? เราขับไล่ความชั่วในจิตใจออกไปได้เท่าไร ? เราสร้างความดีขึ้นในใจของเราได้เท่าไร ? แล้วเรารักษาความดีนั้นให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นได้เท่าไร ?
ถ้าท่านทั้งหลายประเมินตนเองแล้ว ถ้าหากว่าความดีนั้นน้อยอยู่ ก็สามารถที่จะสร้างความดีให้เพิ่มขึ้นได้ ขณะเดียวกันถ้ามีความดีอยู่แล้ว ก็จะได้ทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป จึงจะได้ชื่อว่าปีใหม่นี้ ก็คือปีใหม่ที่เป็นมงคล เป็นปีใหม่ที่เป็นสิ่งที่ดีงาม เป็นปีใหม่ที่เป็นความสุขความเจริญของพวกเราอย่างแท้จริง
ในขณะนี้ก็ขอให้ทุกคนทบทวนดูว่า ศีลทุกสิกขาบทของพวกเราสมบูรณ์บริบูรณ์พร้อมหรือไม่ ? สมาธิภาวนาของเราทรงตัวหรือไม่ ? มีปัญญารู้แจ้งเห็นจริงในสามัญลักษณะ คือความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความไม่มีอะไรเป็นตัวเป็นตนของเราจริงหรือไม่ ? แล้วให้รักษาอารมณ์ภาวนาพิจารณาของเราเอาไว้ดังนี้ จนกว่าจะได้ยินสัญญานบอกว่าหมดเวลา
พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันศุกร์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๔
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-01-2011 เมื่อ 14:16
|