"ศรีลังกาอยากเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาแต่เกรงใจประเทศไทย เพราะที่ประเทศลังกามีพระพุทธศาสนาอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะพระสงฆ์จากไทยไปสืบช่วงให้ จนกลายเป็น สยามวงศ์
พอมาถึงสมัยรัชกาลที่ ๔ เราก็รับเอาสยามวงศ์จากลังกากลับมาในบ้านเรา แต่เรียกว่า ลังกาวงศ์ ปัจจุบันนี้ที่ในลังกาเขาเรียกชัด ๆ ว่า สยามโมปาลีวงศ์ หรือ สยามอุบาลีวงศ์ เพราะพระอุบาลีเถระเป็นหัวหน้าคณะนำไปในสมัยอยุธยา
เมื่อประเทศลังกาเกรงใจ แต่ตัวเองอยากเป็นศูนย์กลาง และพอเห็นว่าจีนอยากได้ตำแหน่งด้วย ก็เลยใช้วิธีบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น บอกว่าถ้าจีนเห็นด้วย ลังกาก็จะสนับสนุน ท่านเจ้าคุณอธิการบดี ก็เลยต้องปิดห้องเจรจากับจีนโดยตรง
ประเทศจีนเขาบอกว่า ประเทศไทยมีประชากรแค่ ๖๐ กว่าล้านคน และไม่ได้นับถือศาสนาพุทธทั้งหมดด้วย ประเทศจีนมีประชากรนับถือศาสนาพุทธตั้ง ๒๐๐ กว่าล้านคน จึงควรจะให้จีนเป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนา
ท่านเจ้าคุณอธิการบดีรีบมากราบเรียนหลวงพ่อสมเด็จวัดสระเกศว่า จีนเขายกตัวเลขขึ้นมาอย่างนี้เราจะทำอย่างไรดีครับ หลวงพ่อสมเด็จวัดสระเกศพูดสั้น ๆ ว่า “เอาสถิติไปสู้เขา” ท่านเจ้าคุณอธิการบดีได้ยินก็เข้าใจชัดเลย
ท่านจึงกลับไปบอกกับจีนว่า ถึงแม้ว่านับตามจำนวนประชากรแล้ว จีนมี ๒๐๐ กว่าล้านคนที่นับถือพุทธศาสนา แต่ถ้าเปรียบกับจำนวนประชากรทั้งหมดแล้วก็มีแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ แถมประเทศจีนนี้ อิสลามกับคริสต์มีมากกว่าศาสนาพุทธหลายเท่าอีกด้วย ถ้าประกาศให้เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาแล้ว จะต้องมีปัญหาแน่นอน ดังนั้น..จีนจึงควรจะสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลกมากกว่า"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-01-2011 เมื่อ 03:34
|