๓.
คนฉลาดเมื่อพบความจริง หรืออริยสัจที่พระองค์ทรงตรัสไว้ ก็
สามารถจะเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามากระทบทางอายตนะสัมผัสทั้งหก มาเป็นพระธรรมได้หมด โดยการพิจารณาเข้าหาทุกข์ หาไตรลักษณ์ หาวิปัสสนาญาณ ๙ โดยใช้อริยสัจ (กรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ) เป็นหลักสำคัญในการแก้ปัญหาได้ทั้งทางโลกและทางธรรม
๔.
หลักสำคัญในการปฏิบัติ คือ อานาปานุสติ ซึ่งเป็นฐานใหญ่ที่ทำให้จิตมีสติ สงบเป็นสุข (มีสมาธิหรือฌาน) และเกิดปัญญา พิจารณาตัดกิเลสให้ขาดได้ในที่สุด
๕.
ทรงเน้นอานาปานุสติควบคำภาวนา เพื่อระงับอารมณ์ฟุ้งซ่าน และกำหนดภาพพระไว้เสมอ ด้วยความไม่ประมาทในความตาย จะคิด จะทำอะไร ให้คิดว่าอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายทั้งสิ้น คือ มีอานาปาควบมรณา ควบอุปสมานุสติไว้เสมอ
หรือรู้ลม รู้ตาย รู้นิพพาน เป็นอุบายสั้น ๆ ย่อ ๆ แต่เป็นทางเข้าสู่พระนิพพานได้ง่าย ๆ
๖. ไม่มีใครสามารถทำงานทางโลกเสร็จ เพราะ
งานทางโลกเป็นไตรลักษณ์ คนฉลาดเขาคิดว่าขอทำเป็นครั้งสุดท้าย หากกายพังก็ขอไปพระนิพพานจุดเดียว
๗.
จิตเป็นทุกข์เพราะไม่ยอมรับกฎของกรรม ไม่เห็นตัวธรรมดาของโลกภายนอก (กายผู้อื่น) ว่ามันไม่เที่ยง เป็นทุกข์
จิตที่ฟุ้งซ่านยิ่งดิ้นก็ยิ่งทุกข์ เหมือนกับลิงติดตัง
ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๗
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
www.tangnipparn.com