ดังนั้น..ในการปฏิบัติ นอกจากจะตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติแล้ว ยังต้องทุ่มเทจริงจังและสม่ำเสมอ เมื่อทำได้แล้วให้รักษาอารมณ์การปฏิบัติให้อยู่กับเราให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ พร้อมกับซักซ้อมให้มีความคล่องตัว อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วในวันแรกของเดือนนี้ว่า จะต้องสร้างวสีภาพให้เกิดขึ้นกับเราให้ได้
ให้เรามีความชำนาญในการกำหนดรู้ว่า ตอนนี้เราอยู่ในฌานสมาบัติระดับใด มีความชำนาญในการเข้าฌานแต่ละระดับได้อย่างใจต้องการ สามารถกำหนดระยะเวลาในการเข้าฌานได้อย่างที่ต้องการ ไม่ว่าจะอยู่ในฌานไหนก็สามารถที่จะออกจากฌานได้อย่างคล่องตัว และสุดท้ายสามารถที่จะทบทวนเปลี่ยนผันเข้าฌานสลับฌานได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว ก็เรียกว่า เราเป็นผู้ทรงวสีภาพในการเข้าฌาน ทำให้สามารถรักษากำลังใจจากกิเลสได้ง่ายขึ้น
ทันทีที่รู้ตัวว่ากิเลสจะเข้ามาถึงใจ ก็พุ่งกำลังใจเข้าสู่องค์ฌานเสียก่อน อำนาจของฌานสมาบัติจะกดกิเลสทั้ง รัก โลภ โกรธ หลง ให้ดับลงไปได้ชั่วคราว ทำให้จิตใจของเราผ่องใส จะได้มีปัญญาพิจารณา หาหนทางในการจัดการกับกิเลส เพื่อที่จะทำลายกิเลสให้หมดสิ้นกำลังลงไปให้ได้
ดังนั้น..ในการปฏิบัติเดือนนี้ การบ้านใหญ่ที่จะฝากทุกท่านไว้ก็คือว่า ให้ทุกคนทุ่มเทในการปฏิบัติภาวนา เพื่อทรงให้ได้อย่างน้อยปฐมฌาน และควรจะเป็นปฐมฌานอย่างละเอียด ขณะเดียวกันก็ต้องซักซ้อมเข้าออกให้คล่องตัว จนถึงระดับตั้งเวลาได้ ว่าต้องการจะเข้าสักกี่ชั่วโมง กี่นาที เป็นต้น
ถ้าท่านทั้งหลายสามารถทำได้คล่องตัว หนทางที่เราจะชนะกิเลสก็เริ่มเปิดกว้างขึ้น ถ้ายังไม่สามารถที่จะทำได้ ก็แปลว่าเรายังมีโอกาสที่จะแพ้กิเลสอยู่เต็ม ๆ อย่างที่อาตมาเคยกล่าวไปแล้วว่า ในขั้นตอนของการปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นนั้น คำตอบแทบทั้งหมดอยู่ที่สมาธิภาวนา
ยกเว้นตอนช่วงท้ายที่เป็นการใช้ปัญญาพิจารณาเพื่อละกิเลสเท่านั้น ที่เป็นการใช้ปัญญาในการพิจารณาหาหนทาง แต่ก็ต้องเป็นปัญญาที่มีอำนาจของสมาธิหนุนเสริม อยู่ดี ไม่อย่างนั้นแล้วก็จะไม่แหลมคม ไม่ว่องไว และปราศจากกำลัง ไม่สามารถที่จะตัดกิเลสให้ขาดลงได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-01-2011 เมื่อ 15:23
|