"ในระบอบการปกครองต่าง ๆ นั้น พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่ามีอัตตาธิปไตย ถือตนเป็นใหญ่ มีโลกาธิปไตย ถือเสียงข้างมากเป็นใหญ่ และธรรมาธิปไตย ถือธรรมเป็นใหญ่ ถ้าเป็นเราก็ต้องบอกว่าธรรมาธิปไตยเป็นของดี แต่จริง ๆ แล้วขึ้นอยู่กับคนที่เอาไปใช้
อัตตาธิปไตย ถือตนเป็นใหญ่ เช่น พวกเผด็จการ แต่เราลองมาดูว่า รัชกาลที่ ๕ สมเด็จพระปิยมหาราชของเรา พระองค์ท่านก็เผด็จการ เพราะระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพระมหากษัตริย์เพียงพระองค์เดียว แต่พระองค์ท่านทรงศีลทรงธรรม กลายเป็นว่าอัตตาธิปไตยเป็นของดี เพราะไม่ติดด้วยขั้นตอนใด ๆ สั่งเมื่อไรก็ต้องทำ บ้านเมืองยุคนั้นจึงเจริญมาก ประเทศญี่ปุ่นยังต้องขอคนของเราไปช่วยพัฒนาบ้านเขา
ปัจจุบันประเทศของเราเป็นโลกาธิปไตย ถือเสียงข้างมากแล้วเป็นอย่างไร ? ประเทศชาติวุ่นวายแค่ไหน ? เพราะฉะนั้น..ในเรื่องของหลักการปฏิบัติขึ้นอยู่กับคนว่ามีธรรมาธิปไตย คือ มีธรรมอยู่ในหัวใจสักเท่าไร ถ้าขาดธรรมาธิปไตยแล้วไปไม่รอดอย่างแน่นอน พระพุทธเจ้าจึงไม่ได้ตรัสสรรเสริญการปกครองระบอบใดทั้งสิ้น เพราะว่าดีหรือชั่วไม่ได้อยู่ที่ระบบ แต่ดีหรือชั่วอยู่ที่ตัวบุคคล
พระองค์ท่านตรัสว่า ถ้าเป็นระบอบกษัตริย์จะต้องมีทศพิธราชธรรม ถ้าเป็นพระเจ้าจักรพรรดิต้องมีจักรวรรดิวัตร แต่ถ้าเป็นคณะผู้ปกครองแบบสามัคคีธรรม ต้องมีอปริหานิยธรรม พระองค์ท่านมอบธรรมะที่เหมาะสมกับการปกครองนั้น ๆ ให้ไว้โดยสมบูรณ์อยู่แล้ว"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-12-2010 เมื่อ 03:25
|