อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ญ.ผู้หญิง
สงครามในครั้งนี้กรุงธนบุรีจวนเจียนจะพ่ายแพ้อีกครั้ง ด้วยกองทัพของอะแซหวุ่นกี้สามารถตีเมืองพิษณุโลกได้ เจ้าพระยาจักรีและเจ้าพระยาสุรสีห์จำต้องนำไพร่พล ครัวเมือง ตีฝ่าหนีไปตั้งหลักทางเมืองเพชรบูรณ์ด้วยเหตุเสบียงกรังร่อยหรอ กองทัพพม่ารุกคืบต่อลงมาเกือบถึงค่ายของพระเจ้ากรุงธนบุรีที่ยกขึ้นไปตั้งรับที่นครสวรรค์ ซึ่งผลของสงครามก็ยังไม่ชัดว่าธนบุรีจะต้านทัพพม่าไหวไหม เพราะกำลังพลก็พอ ๆ กัน
|
ข้อมูลตรงนี้น่าสนใจครับ เพราะนักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ของไทยส่วนมากเชื่อเหมือนกันว่า ทางกรุงธนบุรีโชคดีมาก เพราะพม่าต้องถอยทัพกลับไป เนื่องจากมีการเปลี่ยนรัชสมัยจากพระเจ้ามังระ ไปเป็นพระเจ้าจิงกูจา
แต่ข้อมูลที่ปรากฏในพงศาวดารของพม่าสมัยราชวงศ์คองบอง(มหายาสะวิน) ที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงโปรดฯ ให้แปลมาเป็นภาษาไทยนั้น กลับพบว่ามีการบันทึกผลของศึกเมืองพิษณุโลกไว้น้อยมาก(จนน่าแปลกใจ) ในมหายาสะวิน บอกว่าทัพพม่าที่ตามตีกองทัพของเจ้าพระยาจักรีไปทางเมืองหล่มเก่านั้น
ถูกกองทัพของทางสยาม(เจ้าพระยาจักรี)ล้อมไว้ในป่า ทัพพม่าต้องตีฝ่าออกมา และต้องถอยข้ามแม่น้ำโขงไปทางเวียงจันทน์ ก่อนที่จะข้ามแม่น้ำโขงเข้าไปทางเชียงของอีกที
ในขณะที่กองทัพของ อะแซหวุ่นกี้ ยังคงตั้งยันทัพของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีไว้อยู่ จนได้รับพระบรมราชโองการของพระเจ้าจิงกูจาจึงได้ถอนทัพกลับไป
จากบันทึกในมหายาสะวินนี้ เป็นที่น่าสงสัยว่า ทัพพม่าในเวลานั้นมีศักยภาพเพียงพอที่จะเอาชนะทัพของทางกรุงธนบุรีได้หรือไม่ ?
เพราะทหารพม่าที่ถูกแบ่งไปช่วยตามตีทัพสยามด้านเมืองหล่มเก่านั้น ไม่สามารถกลับมาช่วยทัพของอะแซหวุ่นกี้ได้อีกแล้ว และยังถึงกับต้องล่าถอยไปทางเมืองเวียงจันทน์ ซึ่งผิดวิสัยกองทัพที่หากเป็นฝ่ายได้เปรียบก็ไม่น่าจะถอยไปไกลเช่นนั้น