ลองพิจารณาว่ามันร้ายแรงน่ากลัวแค่ไหน ในสิ่งที่เราต้องผจญอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน อันตรายจะมาถึงตัวเราเมื่อไร ไม่อาจรู้ได้ ต้องอยู่กับความเสี่ยงไปวัน ๆ หนึ่ง มองไม่เห็น ป้องกันไม่ได้ ต้องทนอยู่กับสภาพอันเลวร้าย หวาดระแวง นอนสะดุ้ง คิดจนไม่ต้องหลับต้องนอน ร่างกายก็เสื่อมสูญคุณภาพ ระบบความคิดก็สลายคุณภาพไปด้วย
คิดแล้วน่าเศร้าเสียจริงชีวิตนี้ ทำอะไรผิด ๆ กรรมก็จะมาแสดงตัว มาสำแดงเดชเดชาอานุภาพให้เป็นไปตามกรรม *ใครจะยืนรอให้รถมาชน กรรมมาประชิดตัวก็เป็นสิทธิของเขา ใครจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวคงไม่ได้*
ชี้ทางให้ไปแล้วไม่ไป ให้ยาไปกินแล้วไม่กิน โรคคงไม่เบาบางสลายหายได้ จิตมันจะสร้างภาพหลอน หลอกตัวเรา พร้อมทั้งตะคอกตัวเราไม่ให้คิด ไม่ให้ทำ ไม่ให้พูดในสิ่งที่ไม่ต้องการ
จงหลับตาย้อนดูในอดีต เมื่อเราจะไปทำบุญสวดมนต์ไหว้พระ ไปทำความดี จิตในฝ่ายอกุศลก็จะตะคอกออกมาต่าง ๆ นานา ไม่ว่าง ไม่จำเป็น เสียเวลา เสียเงิน เสียทอง ค่อยทำวันหลัง เหนื่อยอยากพักผ่อน ที่ทำอยู่แล้วดีแล้ว ไม่ทำเราก็อยู่ดีกินดีอยู่แล้ว คนที่เขาทำไม่เห็นมีอะไรดีกว่าเรา ยังทุกข์ยากกว่าเรา
*ในทางกลับกันถ้าจิตชอบจะชั่ว ก็หาเหตุผลส่งเสริมให้ไปทำ เช่น* เขาเป็นเพื่อน เป็นพวกพ้อง ขัดไม่ได้ ต้องเข้าสังคม เราอยู่คนเดียวไม่ได้ต้องพึ่งพากัน เดี๋ยวถูกตำหนิ เดี๋ยวถูกรังเกียจ เราต้องอยู่กับสังคม เราต้องมีเพื่อน ไม่ว่าจะดึกแค่ไหน สถานที่อย่างไรก็จะไป แม้จะทิ้งครอบครัวไปให้เวลากับเรื่องต่าง ๆ ดังกล่าว แล้วเสียเงินเสียทองก็ไม่กลัว กู้หนี้ยืมสินก็ไม่ว่า ท่องไปในโลกของโลกียวิสัย สนุกเพลิดเพลินกับมันอย่างสุดเหวี่ยง พึงพอใจในสภาพชีวิตอย่างนี้ ใครเตือนก็โกรธเคืองกลายเป็นศัตรูกัน ไม่คบค้าสมาคมกัน
|