ถ้าเราจะควบคุมกำกับจิตจะต้องสร้างปัญญาให้บริสุทธิ์ เพื่อสร้างวิชชาดับอวิชชา อกุศลก็จะดับ กุศลจิตก็จะเกิดแทนกระบวนการทำงานของจิต
ในช่วงนี้จะถูกสร้างกระแสจิตให้อยู่ในกุศล ที่มีอารมณ์แน่วแน่เป็นอารมณ์เดียวคือ กุศล ด้วยการสร้างสมาธิจิต การเจริญกรรมฐานสร้างปัญญาไปประหัตประหาร อวิชชาก็จะดับ สังขารก็จะปรุงแต่งแต่กุศล วิญญาณความรู้สึกจะอยู่กับกุศล นามรูปก็จะปรากฏแต่กุศล อายตนะก็จะถูกควบคุม ผัสสะก็จะถูกกุศลจิตเข้ากำกับ เวทนาความสุขโสมนัสเกิด ทุกข์โทมนัสจะดับ คงสภาวะของอุเบกขารมณ์
ตัณหา ความทะยานอยากก็จะหยุด อุปาทานการยึดมั่นก็จะคลาย ภพชาติก็จะไม่บังเกิดในจิต ความโศกเศร้าโศกาอาดูรก็จะดับไปด้วย ลักษณะเช่นนี้ความสุขจะบังเกิดเมื่อทุกข์ดับ กระบวนการนี้จะวิ่งอยู่ในจิตตลอดเวลา
ถ้าหากเกิดอกุศลจิตก็จะตรงกันข้าม บังเกิดทุกข์ คิดผิด ๆ อวิชชาเข้าครอบ แก้ปัญหาคือ ทุกข์ด้วยอารมณ์ ก่อความเดือดร้อนกับตนเองและผู้อื่น คิดทำอย่างไรก็ได้ขอเพียงแต่ได้มา จิตมีแต่มืดมัว ใครพูดตรงกับประโยชน์ของตนก็เป็นพวกกัน ใครพูดไม่ตรงประโยชน์ตนก็เป็นศัตรูกัน
ดังนั้นการกำกับจิตให้รู้จักเอาสิ่งที่ดีเข้าไป เอาสิ่งไม่ดีออกมาเป็นเรื่องสมควรที่ต้องศึกษา ต้องฝึกเพื่อสันติสุข ความเป็นอิสระของตัวเองจะได้อยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างไม่ทรมาน
คนที่ต้องทนทุกข์หาความสงบสุขไม่ได้ตลอดชีวิต น่าเสียดายสิ่งที่ทุกคนทำได้ แต่ไม่ทำ ไม่กล้าทำในสิ่งที่ดี ต้องซ่อนเร้นไม่กล้าประกาศ หลบ ๆ ซ่อน ๆ ซึ่งต่างกับการทำชั่ว กล้าทำ กล้าแสดงตัว กล้าประกาศ อย่างโกรธก็แสดงออกให้เห็นความอหังการ ความโลภแสดงให้รู้แล้ว อย่างนี้จะหาความสงบในสังคมได้อย่างไร?
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 26-11-2010 เมื่อ 14:08
|