ท่านนาวินบอกลาเมื่ออาตมาก้าวลงเรือ บอกว่าป่านนี้พ่อออกปะไลรอแย่แล้ว อาตมารับไหว้ขณะที่นายท้ายติดเครื่องดังกระหึ่ม แล้วพาเรือพุ่งปราดไปยังฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็ว กว่าจะมีใครรู้ เรือของเราก็มาถึงอีกฝั่งหนึ่ง แล่นเลาะไปตามชายตลิ่ง อาศัยต้นไม้ปิดบังร่องรอยไปในตัว...
ไปได้ไม่ถึงสองร้อยเมตรเครื่องดับลงดื้อ ๆ นายท้ายแกปล้ำเหงื่อหยดติ๋งไปเลย คงทั้งกลัวทหารทั้งแดดร้อนด้วย อาตมามองไปที่ฝั่งตรงข้าม เห็นท่านนาวินยังเดินดุ่ม ๆ อยู่ที่ชายตลิ่ง ไม่ได้สังหรณ์สักนิดว่าอาตมาไปได้แค่นี้เอง ถ้าทหารมันรู้เข้าและจะเอาเรื่องคงเดี้ยงแน่ ๆ..!
ฉันยืนตกปลาอยู่ริมตลิ่ง..แปลกใจจริง ๆ ปลาไม่กินเหยื่อ..
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ทั้งแกะทั้งทุบ เจ้าเครื่องยนต์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะติดขึ้นมาได้ นายท้ายปีนขึ้นไปบนตลิ่งหายลับตา พักใหญ่จึงกลับลงมาพร้อมด้วยขวาน คงรู้สึกว่าค้อนมันเล็กไปกระมัง ? มาถึงจัดการงัดแงะอุตลุด ที่ตรงท่าน้ำยังคงพลุกพล่านไปด้วยทหารที่ขึ้นลงทางเรือเป็นปกติ...
นั่งลุ้นจนหมดอารมณ์ก็ไม่มีทีท่าว่าเครื่องมันจะติดขึ้นมาได้ ป่วยการที่จะไปร้อนใจกับเรื่องแบบนี้ อาตมาดูชาวบ้านสามสี่คนที่ตกปลาอยู่ชายตลิ่ง ปลาแถวนี้ชุมเอาเรื่องทีเดียว เพิ่งหย่อนเบ็ดลงก็ต้องวัดแล้ว แต่เป็นปลาตัวเล็ก ๆ จำพวกปลาหมอนา ปลากระแหอะไรเทือกนั้น...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2010 เมื่อ 16:26
|