ถาม : เวลาอ่านหนังสือที่หลวงพ่อสอน ท่านบอกให้ทรงอารมณ์แล้วก็ไล่ฌานสี่ ไล่พรหมวิหาร อ่านไปก็นึกตามไป รู้สึกตามไป สุดท้ายก็ไปจับอารมณ์พระนิพพาน อันนี้เป็นกำลังของมโนมยิทธิครึ่งกำลัง หรือว่าทรงอารมณ์ได้ตามที่หลวงพ่อสอนจริง ?
ตอบ : ตอนนั้นอย่างน้อยจิตของเราไม่มีกิเลส ในเมื่อไม่มีกิเลส การที่เราจะไล่ตามอารมณ์ โดยเฉพาะในอารมณ์ความเป็นพระอริยเจ้าที่หลวงพ่อท่านสอน สามารถที่จะเข้าถึงได้โดยง่าย
แต่สำคัญตรงที่ว่า เราเข้าถึงแล้ว เราทรงอยู่ได้หรือไม่ เพราะฉะนั้น..ตรงจุดนี้เราก็ต้องพิจารณาด้วยความระมัดระวัง และหมั่นทำบ่อย ๆ หมั่นย้ำบ่อย ๆ จนกระทั่งกลายเป็นความเคยชินเฉพาะตัวว่า ทำเมื่อไรต้องให้ได้อารมณ์นี้เลย
ถาม : ไม่ต้องไล่ตามขั้นแล้ว
ตอบ : ไม่ต้อง แรก ๆ ก็เหมือนตีอวนเอาปลาทั้งทะเล ต่อไปพอเรารู้ว่าปลาตัวไหนดีที่สุด เราก็คว้าเอาปลาตัวนั้นตัวเดียว
แรก ๆ จะทำเยอะ แต่พอซักซ้อมจนคล่องตัวแล้วก็จะเหลือเพียงนิดเดียว
ถาม : อย่างนี้ถ้าเราตั้งอารมณ์เข้านิพพานอย่างเดียวก็จบเลยสิ ?
ตอบ : ถ้าทำได้จริง ๆ ก็จบ ระยะหลัง ๆ อาตมายังขี้เกียจไปกราบท่านปู่ท่านย่าเลย พอไปถึงนิพพานแล้วก็เชิญท่านขึ้นมากราบ
ตอนที่ยังไม่หายคัน ก็จะแวะนั่นแวะนี่ เที่ยวไปเรื่อย พอนาน ๆ เข้าก็จะเริ่มเบื่อ เหมือนโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะไม่เล่นซนอย่างเด็กแล้ว จะเหลือแค่ไม่กี่จุดที่เราจะไป
ถาม : แต่ก็ไม่เคยเห็นชัดจริง ๆ เลย อารมณ์พระนิพพานก็ไม่เห็นชัด
ตอบ : ไม่เป็นไร อย่าลืมว่าพระสุกขวิปัสสโกท่านไม่ได้เห็นอะไร แต่ขณะเดียวกันทำไมท่านถึงได้มั่นใจ ก็เพราะท่านเข้าถึงอารมณ์นั้นจริง ๆ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2010 เมื่อ 16:15
|