ตอนอาตมาไปเป็นทหารอยู่ชายแดน เพื่อนพาไปเที่ยวผู้หญิง ไปกันเป็นหมวดเลย ทหารหมวดหนึ่งก็ ๔๐ กว่าคน ทีนี้ถ้าไปตอนกลางคืนเวลาทำการของผู้หญิงเขา เดี๋ยวแขกของเขาจะตกใจหมด เพราะเห็นทหารมาเยอะ ก็ต้องไปตอนบ่ายสอง เวลานอนของเขา
ไปทุบ ๆ ประตู เฮ้อ..! เราลองนึกถึงผู้หญิงที่แต่งหน้าจัด ๆ เพื่อให้สวยใต้แสงไฟ ทีนี้เราไปตอนที่เขานอน ลอกหน้าออกแล้ว นุ่งกระโจมอก หัวกระเซิง หน้าซีดอย่างกับผีตายซาก ไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่อน ๆ เขามีอารมณ์ได้อย่างไร ?
ส่วนเรานั่งเฉาสนิท ไปนั่งเฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย นั่งเฝ้าหน้าห้องให้เพื่อน สรุปแล้วสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เคยพยายามทำเหมือนกัน แต่ไม่สำเร็จเพราะฝีมือไม่ถึง..!
จากที่เล่ามา อยากจะบอกพวกเราทุกคนว่า ผลของการปฏิบัติ แรก ๆ ในเรื่องของศีล สมาธิ กำลังยังไม่พอตัดกิเลส แต่กำลังมีพอที่จะหักห้ามเราไม่ให้ทำในสิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ ได้ในระดับหนึ่ง
พอเราทำไป ๆ มากกว่านั้น ความเข้มแข็งมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เราถึงจะห้ามตัวเองได้จริง ๆ ไม่อย่างนั้นช่วงที่น่าจะเสียหายมากที่สุดก็ช่วงเป็นทหาร เพราะว่าเพื่อน ๆ เอาทุกทางจริง ๆ
ถาม : ไม่ใช่ว่าสั่งสมมาแต่อดีตหรือคะ ?
ตอบ : นั่นก็มีส่วน แต่อย่าลืมว่ากระแสโลกเขาแรง สติสัมปชัญญะอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีสมาธิ มีปัญญาเข้ามาช่วยอีกด้วย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2010 เมื่อ 17:32
|