พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "เช้ามืดวันที่ ๑ กันยายน กำลังนอนภาวนาอยู่ นิมิตเห็นน้ำป่ากำลังพุ่งเข้าใส่หมู่บ้านที่สุโขทัย สัญชาตญาณของตัวเองทำให้อดไม่ได้ กระชั้นชิดจนไม่มีเวลาให้ตัดสินใจ
ถ้าใครไม่เคยเห็นน้ำป่า จะไม่รู้ว่าหรอกว่ามาเร็วและมาแรงขนาดไหน ดูจากสภาพแล้วคงจะกวาดไปทั้งหมู่บ้าน และเป็นเวลากลางคืนตีสองกว่า อาตมาก็เลยต้องให้เบนน้ำออก แทนที่จะถล่มทั้งหมู่บ้าน ก็เหลือแค่น้ำท่วมเท่านั้น
ทันทีที่ทำเสร็จ กระแสกรรมที่จะเกิดแก่คนหมู่มากก็ถล่มใส่อาตมา ความรู้สึกเหมือนกับโดนใครยิงด้วยปืนกลหรือไม่ก็ผึ้งฝูงหนึ่งมารุมต่อยพร้อม ๆ กัน พอไปถึงวัดไร่ขิงก็นอนยาว ลุกไม่ขึ้น
คนทดสอบเขาทดสอบได้แสบมากเลย คือ วิสัยเดิมที่คิดจะช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ อาตมาทำมาเยอะต่อเยอะ ภาพที่เขาทำให้ปรากฏก็ไม่มีเวลาให้ตัดสินใจ เพราะว่าน้ำป่ามาถึงบ้านแล้ว ก็มีอยู่แค่สองอย่าง คือ ช่วยกับไม่ช่วย
ความเคยชินที่คิดจะช่วยเขามาทุกชาติก็ต้องช่วย พอช่วยแล้วก็ต้องรับเละเอง หลังจากที่นอนเลื้อยไปวันหนึ่งแล้ว ลุกไม่ไหว ก็มานึกถึงหลวงปู่พุฒ เจ้าคุณราชอุทัยกวี ท่านเป็นอดีตเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาก มั่นใจเลยว่าท่านมรณภาพเมื่อไรท่านไปพระนิพพานแน่
แต่ปรากฏว่าพอหลวงปู่พุฒมรณภาพ ไปได้แค่พรหมชั้น ๑๒ ถามว่าพรหมชั้นที่ ๑๒ ดีหรือไม่ ? ดี...เพราะเป็นสุทธาวาสพรหม ไม่ต้องเกิดใหม่ บำเพ็ญบารมีไปพระนิพพานข้างบนได้ แต่ก็ทำให้ช้าไปอีกหลายกัป
เหตุที่ท่านไปไม่ได้เพราะว่าก่อนท่านมรณภาพมีนิมิตเป็นสมุดบัญชีของวัด ท่านยังไม่ได้มอบหมายให้ใครรับผิดชอบอย่างเป็นทางการ จิตพะวงอยู่นิดเดียวเอง เลยไปได้แค่พรหม
เรื่องการทดสอบนั้น มีการทดสอบทั้งหลับทั้งตื่น ทุกเวลา ทุกนาที ทุกวินาที เขาทดสอบเราอยู่ตลอด อย่างที่เคยตักเตือนพวกเราว่า มารใช้คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัวเป็นเครื่องทดสอบเราได้หมด ต้องระมัดระวังให้ดี เผลอเมื่อไรก็ไปไม่รอด และทดสอบได้ร้ายกาจจริง ๆ เขาสอบแบบไม่เหลือเวลาให้ตัดสินใจ เพราะอีกไม่กี่ศอกน้ำก็จะถึงหมู่บ้านแล้ว "
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-04-2012 เมื่อ 10:25
|