เพราะฉะนั้น..ถ้าจะทรงให้ได้ทั้งวันอย่างที่ว่า ก็ต้องเกาะอารมณ์ภาวนาอยู่ตลอด คือหลังจากที่แผ่เมตตาจนอารมณ์ใจเยือกเย็น ทรงตัวแล้ว ก็เกาะอารมณ์ภาวนาต่อไปเลย ถ้าทรงเป็นฌาน ๔ ก็จะเข้าถึงอารมณ์สูงสุดของพรหมวิหาร ๔ นั้นได้
ถ้าเราเข้าถึงอารมณ์ของฌาน ๔ หรือยิ่งได้สมาบัติ ๘ ยิ่งดี ให้เกาะตรงจุดนั้นเอาไว้ เราก็จะทรงพรหมวิหาร ๔ ได้ตลอดเวลาที่ทรงฌานอยู่
ถ้าพรหมวิหาร ๔ ทรงตัวแบบนี้อยู่กับเราตลอด เราก็จะไม่โกรธใคร เพราะว่าเรารักเขาเหมือนกับตัวเรา ไม่คิดอยากจะเบียดเบียนใคร สงสารเขาอยากให้เขาพ้นทุกข์เหมือนกัน ถ้าเขาทำอะไรดีก็พลอยยินดีเมื่อเขาอยู่ดีมีสุข ถ้าเขาตกอยู่ในความทุกข์ ถ้าช่วยเหลือเขาจนสุดความสามารถแล้ว ไม่สามารถช่วยเหลือได้ จึงปล่อยวางอยู่ในอุเบกขา อารมณ์เหล่านี้จะทรงอยู่กับเราตลอด
ถ้าอารมณ์อุเบกขาทรงตัว ศีลก็จะบริสุทธิ์โดยอัตโนมัติ ขณะเดียวกัน อารมณ์ตัวโกรธก็จะลดลงไปเรื่อย ๆ
ถ้าหากจิตใจของเรายิ่งเยือกเย็นในพรหมวิหารสี่ได้ตลอด ตัวไฟโทสะก็ดับมอดไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งสิ้นเชื้อไปเอง
พวกเราส่วนมากเวลาแผ่เมตตาเสร็จแล้ว ไม่ได้ภาวนาต่อให้อารมณ์ทรงตัว หรือว่าถึงภาวนาต่อจนอารมณ์ทรงตัว แต่เมื่อลุกขึ้นแล้ว ไม่รักษาอารมณ์นั้นไว้ ปล่อยทิ้งไปเลย เมื่อเป็นอย่างนี้จึงไม่สามารถที่จะทรงพรหมวิหาร ๔ ได้ตลอดเวลา
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๔
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2015 เมื่อ 10:07
|