๓๑. อานุภาพศีล ๘
มีฤๅษีหมู่หนึ่งเดินทางมาจากป่าหิมพานต์ (แฮ่...อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้…!) เพื่อมาเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดอาการเหนื่อยล้าเต็มที เมื่อถึงทางแยกเมืองสาวัตถี จึงพากันหยุดพักที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ที่ขึ้นอยู่ตรงทางแยกนั่นเอง...
เห็นต้นไม้ใหญ่ร่มครึ้มเป็นที่เย็นสบาย หัวหน้าฤๅษีก็คิดว่า ต้นไม้ใหญ่โตขนาดนี้ต้องมีรุกขเทวดาอาศัยอยู่ เรามาเหนื่อยแทบตาย ซ้ำกระหายน้ำอีกต่างหาก ถ้าเทวดาจะเมตตาบันดาลน้ำมาให้ดื่มกันสักหน่อยคงจะดี… (เล่นง่ายดีเนอะ...) คิดเพียงเท่านั้น พลันก็ปรากฏภาชนะบรรจุน้ำใสสะอาดเต็มเปี่ยม ขึ้นที่เบื้องหน้าฤๅษีทั้งหลายเป็นที่น่าอัศจรรย์ ทั้งนี้เกิดจากอานุภาพรุกขเทวดาที่อาศัยอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่นั้น พอทราบความคิดของหัวหน้าฤๅษี ก็บันดาลให้มีขึ้นทันใด
ฟาดกันไม่ต้องฟังเสียงล่ะ พอสิ้นความกระหายก็คิดต่อไปว่า พวกเราเดินทางมาไกล ร่างกายสกปรกมอมแมม เมื่อรุกขเทวดาบันดาลน้ำให้ดื่มได้ ก็น่าจะบันดาลน้ำสำหรับอาบให้แก่พวกเราได้เช่นกัน (น่าน...เอาซะให้คุ้ม) ทันใดนั้นก็ปรากฏสระโบกขรณีขึ้น ให้เหล่าฤๅษีได้อาบอย่างสำราญใจ (น่าจะมีนวดแถมซะให้เข็ด…!) พอร่างกายสบาย ใจก็อยากต่อไม่สิ้นสุด เลยคิดต่อไปว่า น้ำดื่มน้ำอาบก็มีแล้ว อีนี่ฉานหิวนะนาย...มีอะไรให้ฤๅษีกินบ้างละนายจ๋า…!
รุกขเทวดาก็พี่มีแต่ให้จริง ๆ ..บันดาลให้ต้นไม้เกิดผลสะพรั่งไปทั้งต้น (ไม่ยักเป็นโต๊ะจีนแฮะ...) เหล่าพวกฤๅษีกินอิ่มแล้วเกิดอยากเห็นเทวดา จึงตั้งความปรารถนาขอพบซักหน่อย รุกขเทวดาก็สุดเขินจึงบันดาลให้ปรากฏเฉพาะเสียงว่า... “
ข้าแต่ท่านผู้ทรงศีล ข้าพเจ้าเป็นผู้ประกอบด้วยบุญญาธิการน้อยนิด มีความละอายเป็นที่ยิ่ง ไม่กล้าปรากฏขึ้นต่อหน้าท่านทั้งหลาย” แม้ว่าผู้น้อยมิบังอาจ เหล่าฤๅษีก็อ้อนวอนจนใจอ่อน แสดงกายทิพย์ขึ้นเฉพาะหน้า ประกอบด้วยรัศมีกายเป็นที่สว่างรุ่งเรืองยิ่งนัก… (แอ่น...แอ๊น....!)
หัวหน้าฤๅษีจึงถามว่า “
เทวะ...ดูก่อน เทวดา ท่านมีฤทธานุภาพเป็นที่น่าอัศจรรย์ ทั้งสว่างรุ่งเรืองไปด้วยรัศมี ขอถามว่าท่านนี้ทำบุญมาด้วยสิ่งใด จึงมีศักดานุภาพใหญ่เห็นปานนี้” รุกขเทวดาประคองอัญชลีตอบต่อฤๅษีทั้งหลายว่า... “
ข้าแต่ท่านผู้ทรงศีล กล่าวไปแล้วเป็นที่ละอายยิ่ง บุญญานุภาพของข้าพเจ้านี้ เกิดด้วยผลการรักษาศีล ๘ เพียงครึ่งวัน...” แล้วรุกขเทวดาจึงเล่าบุรพกรรมให้ฤๅษีได้ทราบดังนี้
ชาติก่อนข้าพเจ้าเป็นคนเข็ญใจ ไปขอทำงานกับท่าน
สุทัตตเศรษฐี ผู้มีอีกนามหนึ่งว่า
อนาถปิณฑิกเศรษฐี ขอเพียงมีอาหารวันละ ๒ มื้อ แลกกับแรงงานก็เป็นที่พอใจ ท่านเศรษฐีผู้มีใจกรุณา รับข้าพเจ้าไว้เป็นคนรับใช้ทั่วไป... วันนั้นเป็นวันอุโบสถ ข้าพเจ้าไปตัดฟืนในป่าตั้งแต่เช้า กลับมาก็เลยเที่ยงไปแล้ว จึงตรงไปขออาหารที่โรงครัว เห็นภายในโรงครัวเงียบสนิท ปราศจากคนพลุกพล่านเช่นวันก่อน จึงถามแม่ครัวว่า “
นี่แน่ะแม่...วันนี้ไฉนจึงเงียบนัก อาหารส่วนของข้าพเจ้าอยู่ไหนเล่า...?” แม่ครัวตอบว่า “
นี่แน่ะท่านผู้เจริญ.... วันนี้เป็นวันอุโบสถ ทุกคนในบ้านนี้แม้แต่ทารกเพิ่งอดนม จะบ้วนชำระปากให้สะอาด ตั้งใจรักษาอุโบสถศีล เว้นอาหารตั้งแต่หลังเที่ยงไปแล้ว ท่านเป็นผู้มาใหม่ยังไม่ทราบระเบียบข้อนี้ ข้าพเจ้าจักรีบประกอบอาหารเพื่อท่าน...” ข้าพเจ้ารับฟังเป็นที่อัศจรรย์ใจ คิดว่าอุโบสถศีลนี้เป็นไฉนหนอ...? บุคคลในบ้านท่านเศรษฐีจึงพร้อมใจกันสมาทานรักษา แม้แต่ทารกเพิ่งอดนมยังประกอบด้วยศรัทธาเห็นปานนี้ จึงยับยั้งแก่แม่ครัวว่า “
นี่แน่ะแม่...จงงดการประกอบอาหารไว้ก่อน ข้าพเจ้าจักรักษาศีลเช่นเดียวกับพวกท่านบ้าง...” ว่าดังนั้นแล้ว ข้าพเจ้าจึงไปหาท่านเศรษฐี ศึกษาในอุโบสถศีลแล้ว มีใจอันผ่องแผ้ว ตั้งใจสมาทานรักษา...
ข้าแต่ท่านผู้ทรงศีล ข้าพเจ้าเป็นผู้ทำงานหนัก ไม่มีอาหารตกถึงท้องมาทั้งวัน ตกดึกลมกำเริบขึ้น ข้าพเจ้าทนไม่ไหว ได้ทำกาละคือตายไป มาเกิดเป็นรุกขเทวดา สิงสถิตย์ที่ต้นไม้ใหญ่นี้ อานุภาพทั้งหมดที่ท่านเห็น เป็นอานิสงส์ของอุโบสถศีลครึ่งวันดังกล่าวมาแล้ว...” นั่นเป็นเรื่องที่มีมาในพระไตรปิฏก อ่านแล้วแปลไทยเป็นไทยเอาเองก็แล้วกัน เขียนแบบธรรมดาเดี๋ยวเขาจะหาว่าไม่เก่ง เล่นสำนวนให้เวียนหัวซะอย่างนั้นแหละ ทีนี้จะกล่าวถึงอานุภาพศีล ๘ ที่อาตมาพบมาเองบ้าง (เข้าเรื่องซะที อู้มานานแล้ว....!)
คืนหนึ่งที่บ้านสายลม หลังกรรมฐานแล้ว หลวงพ่อเมตตาเล่าว่า “
พระท่านมาบอกว่า คนที่มาเจริญกรรมฐานในคืนนี้ทั้งหมด มีอยู่ ๗๐ คนที่รักษาศีล ๘ ได้...” เรื่องแบบนี้อาตมาไม่เคยล้าหลังใครอยู่แล้ว จึงทึกทักว่า “
ข้าคือหนึ่งในจำนวนนั้น...!” เมื่อมั่นใจก็เอาเลย ตั้งใจรักษาศีล ๘ ตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นไป ขากลับบ้านอาศัยรถของน้าโชค คุณ
ประสพโชค ปัจฉิมางกูร เพราะไปทางเดียวกัน น้าโชคชวนกินข้าวก่อน อาตมายอมเสียมารยาทปฏิเสธการเลี้ยง แล้วเดินกลับบ้านเอง (กลัวเสียไม่ได้นะซี้…!)
กราบขอบารมีพระ... “ด้วยอานุภาพศีล ๘ ที่ลูกตั้งใจรักษา ขออย่าให้ร่างกายมีความกระวนกระวายใด ๆ เลย...สาธุ” พอหลังเที่ยงวันรุ่งขึ้นมันเหมือนกับคอหอยตัน กินอะไรไม่ได้นอกจากน้ำ ตั้งแต่นั้นมาก็เป็นแบบนี้ทุกวัน เลยรักษาศีล ๘ ได้อย่างสบาย ๆ ...
๔ มีนาคม ๒๕๒๒
พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ