[เถรี]

ถาม : ใส่สายสิญจน์กันไสยศาสตร์ แล้วไปถอดออกก่อนอาบน้ำ เลยเจอเขาเล่นงานเข้าไปอีก ?
ตอบ : เรื่องอย่างนี้ต้องบอกว่าเป็นวาระกรรม นึกถึงเรื่องที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเล่า สมัยหลวงปู่ปานมีเด็กผู้หญิงโดนเขาทำไสยศาสตร์ แล้วหลวงปู่ปานท่านแก้ให้ ท่านทำยันต์เฑาะให้คล้องคอไว้ แล้วสั่งว่าอย่าเอาออก

ปรากฏว่าแรงกรรมยังมากอยู่ พอเวลาเผลอก็ถอดสายสิญจน์ออก ก็โดนหงายท้องไปเลย รายนี้ก็เหมือนกัน ทำสายสิญจน์คล้องคอให้ไป บอกว่าหายดีแล้ว แต่ตอนอาบน้ำดันไปถอดออก

ถ้าหากวาระกรรมมาถึง บางทีเราจะบิดเบี่ยงจะเลี่ยงอย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถจะเลี่ยงได้พ้น จะต้องมีเหตุให้ต้องรับจนได้

ก่อนหน้านี้ก็ป้าเจือ ป้าเจือเป็นพี่สาวของแม่ทองดี (เจ้าของบ้านอนุสาวรีย์ฯ) รายนั้นโดนเมียน้อยทำ เขาทำไสยศาสตร์ ทำให้มึนงง ทำอะไรไม่ถูก เขาบอกให้ทำอะไรก็ทำตามอย่างนั้น เซ็นยกบ้านยกที่ดินให้เขาหมด ส่วนรายนี้ไม่ใช่เมียหลวง รายนี้ตัวเองเป็นเมียน้อย เลยโดนเมียหลวงทำ โลกเราก็เป็นเสียอย่างนี้

ในเรื่องของไสยศาสตร์มีแทรกอยู่ในทุกยุคทุกสมัย ไม่ได้เสื่อมสูญไปไหน ซ้ำยังมีอานุภาพมากขึ้น เพราะสภาพจิตใจของคนแย่มากขึ้น ในเมื่อจิตใจของคนยิ่งตกต่ำมากเท่าไร โอกาสที่เขาจะใช้ไสยศาสตร์ได้ผลก็มีมากเท่านั้น เพราะคุณพระคุ้มไม่ได้

ความจริงแล้วไสยศาสตร์ไม่ใช่สิ่งน่ากลัว เพราะว่าสภาพจิตของคนที่ทำไสยศาสตร์ มักจะอยู่ในลักษณะมุ่งร้ายต่อคนอื่น ในเมื่อมุ่งร้ายต่อคนอื่น จิตขาดตัวอุเบกขา ทำให้เข้าถึงสมาธิได้ไม่ถึงที่สุด

ถ้าเราสามารถภาวนาจนอารมณ์ใจทรงตัวสักปฐมฌาน ไสยศาสตร์ก็ทำอะไรไม่ได้ มีข้อแม้นิดเดียวว่าอย่าเผลอ เวลาเผลอก็มักจะเป็นเวลากิน เวลาใกล้ ๆ จะหลับ เวลาเข้าห้องน้ำห้องส้วม

สำคัญก็คือเวลาตกใจ กำลังใจจะลดลง เมื่อกำลังใจลดลง สมาธิก็คุ้มตัวเองไม่ได้ ใครรับยันต์เกราะเพชรไปแล้วรักษาไว้ได้ก็สบาย ไม่ต้องกลัวไสยศาสตร์


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมมฺปญฺโญ
เทศน์ก่อนทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันศุกร์ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓