ถ้าต้องเกิดมาอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ มาเกิดในร่างกายที่มีความทุกข์อย่างนี้ นับเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก ๆ เพราะว่าทุกอย่างจะรุมเร้าเข้ามา ถ้าหากว่าตัวคนเดียวอย่างเก่งก็เจ็บป่วย หนาวร้อน หิวกระหาย
แต่ถ้าหากว่า ๒ คน ตอนนี้เราไม่ป่วยแต่เขาป่วย เราก็เหมือนกับป่วยไปด้วย เราไม่หิวเขาหิว ก็เหมือนกับเราหิวด้วย ถ้าหากว่า ๓ คนขึ้นไปยิ่งแล้วใหญ่ ตัวเราตัวเขาไม่เป็นไร แต่ไอ้ตัวเล็กนี่อย่างไรก็ไม่ได้ เราจะหิวแค่ไหนเขาก็ห้ามหิว ต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด ต้องรับผิดชอบเขาให้ดีที่สุด
นี่เป็นการสร้างความทุกข์ทับถมตัวเองอยู่ตลอดเวลา แล้วเราก็จมลึก ดิ้นไม่หลุด เหมือนกับตกอยู่ในหล่มโคลนดูด
ตอนนี้เรามาอยู่ในสภาพนี้ ถือว่าเราก้าวพ้นหล่มขึ้นมาแล้ว ถึงแม้ว่าจะห่างออกไปไกลไม่ได้ ยังอยู่ใกล้ก็ตาม ขอให้พยายามตะเกียกตะกาย ไปให้พ้นโดยเร็วที่สุด แม้ว่าบางคนยังไม่พ้นหล่ม แต่เราก็ชูคอขึ้นมาเหนือโคลนแล้ว ยังสามารถหายใจได้ ยังสามารถหาช่องทางดิ้นรนเพื่อที่จะให้พ้นได้
แต่ถ้าในชีวิตฆราวาสนี่ เหมือนกับเราจมอยู่ในบ่อโคลนดูดทั้งตัว ไม่สามารถที่จะดิ้นหลุดออกมาได้ ไม่ว่าจะวิถีทางใด ๆ มีแต่จะซ้ำเติมให้หนักขึ้น
ในเมื่อเราเห็นแล้วว่า ช่องทางอยู่ตรงนี้ ก็ควรจะใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นว่า ชีวิตการครองเรือนของฆราวาสทั่ว ๆ ไป มีแต่ความทุกข์อย่างแสนสาหัส มีแต่ซ้ำเติมให้หนักขึ้นไปเรื่อย และท้ายสุด อาจจะจ่อมจมลงในอบายภูมิไม่อาจจะฟื้นตัวได้
ในเมื่อเรามาอยู่ในจุดนี้แล้ว จงพยายามก้าวไปข้างหน้าให้มากที่สุด ใช้ปัญญาที่เราจะพึงมี ประคับประคองสภาพจิตของเรา ให้ผ่องใสที่สุดเท่าที่จะผ่องใสได้ เมื่อถึงวาระที่เราละร่างกายนี้ไป เราจะได้ไปให้ไกลที่สุด หลุดพ้นไปได้เลยยิ่งดี
นี่คือสิ่งที่อยากจะฝากเอาไว้ว่า
เรื่องของปัญญาบารมีสำคัญที่สุด ปัญญาจะเกิดก็ต่อเมื่อศีลกับสมาธิทรงตัว ขอให้ทุกคนพยายามทำให้เต็มที่เท่าที่ท่านจะทำได้
-----------------------------