ผมเคยเปรียบเอาไว้ว่า เหมือนกับเราปลูกต้นไม้ เรามีหน้าที่ดูแลรักษา รดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย ป้องกันหนอนแมลง ก็ดูแลกันไป แต่เราไม่มีหน้าที่ไปบังคับให้ต้นไม้นั้นโต เพราะถ้าเราไปดึงยอดจะให้โตเร็ว ๆ ก็มีหวังถอนรากถอนโคนตายเสียก่อน
ดังนั้น..วิธีที่ดีที่สุดก็คือว่า เรามีหน้าที่ทำ ส่วนผลจะเกิดขึ้นเมื่อไรเป็นเรื่องของมัน ถ้าเราวางกำลังใจเป็นกลางอย่างนี้ได้ มีตัวอุเบกขาอย่างนี้ได้ สิ่งที่เราปฏิบัติอยู่จะได้ผลเร็ว แล้วที่สำคัญที่สุดก็คือว่า เมื่อเกิดผลแล้ว เราจะรักษาผลไว้ได้อย่างไร ?
การจะประคับประคองรักษาผลของการปฏิบัตินั้น สมัยที่ผมปฏิบัติใหม่ ๆ รู้สึกเหมือนกับเลี้ยงลูกแก้วบาง ๆ ไว้บนปลายเข็ม เผลอเมื่อไรก็หล่นแตกโป๊ะ พระพุทธเจ้าท่านเปรียบเอาไว้ว่า การจะรักษาความดีเอาไว้นั้น
๑. เหมือนกับจามรีรักษาขนของตัวเอง จามรีเป็นสัตว์จำพวกวัวชนิดหนึ่ง มีขนละเอียดแล้วก็นุ่มมาก ต้องบอกว่านุ่มยิ่งกว่าไหมอีก จามรีจะหวงขนตัวเอง ต่อให้กำลังหนีภัยอยู่ มีสัตว์หรือคนตามล่าอยู่ ถ้าขนถูกหนามเกี่ยวติด จามรีจะหยุดแกะขนของตัวเองก่อน มันรักขนของตัวเองขนาดนั้น
แม้ว่าสัตว์ร้ายที่ตามมา อาจจะฆ่าจามรีถึงความตายมันก็ยอม แต่จามรีจะไม่ยอมเสียขนแม้แต่เส้นเดียว เราต้องประคับประคองรักษาความดีที่เราทำแล้ว ทรงตัวไว้ให้ได้แบบเดียวกับจามรีรักษาขนตัวเอง
๒. เหมือนนกต้อยตีวิดรักษาฟองไข่ นกต้อยตีวิดนั้น สมัยนี้เขานิยมเรียกว่านกกระแตแต้แว้ด นกชนิดนี้หวงไข่มาก นกต้อยตีวิดเวลานอนอยู่ในรังกลางคืน นกนี้จะหงายหลังนอน เอาหลังลง หันท้องขึ้น เท้าชี้ฟ้าไว้
โบราณบอกว่านกต้อยตีวิดกลัวว่าฟ้าจะถล่มลงมา ถ้าฟ้าถล่มลงมาจะทับไข่ของมันแตก ตัวมันเล็กนิดเดียว แต่ใจสู้ถึงขนาดว่าจะเอาเท้ายันฟ้าไว้ รักษาไข่ด้วยชีวิต ถ้าหากว่าฟ้าถล่มลงมา ก็ขอยันเอาไว้ก่อน จะได้ไม่ได้ว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง
ท่านถึงได้เปรียบว่า ถ้าหากว่ารักษาความดี ต้องเหมือนนกต้อยตีวิดรักษาฟองไข่ ถ้าหากว่ามีศัตรูเข้ามาใกล้รัง นกต้อยตีวิดจะบินออกจากรังไปตกอยู่ใกล้ ๆ สมมุติว่าหมาก็แล้วกัน แล้วก็ทำเหมือนกับขาหักปีกหัก กระเสือกกระสนดิ้นรน
สัตว์ร้ายหรือว่าคนที่เข้าใกล้รัง ก็จะเบนความสนใจไปที่ตัวนกที่ตะเกียกตะกายหนีไปเรื่อย แต่ความจริงก็คือ หนีห่างรังไปเรื่อย พอได้ระยะที่เห็นว่าปลอดภัย ศัตรูโดนหลอกจนหลงแล้ว ไม่มีทางย้อนกลับไปทางรังแล้ว มันก็จะบินหนีไปเลย การรักษาความดีประการที่สองของพวกเรา คือ ให้รักษาเช่นเดียวกับนกต้อยตีวิดรักษาฟองไข่ของตน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 27-07-2010 เมื่อ 03:32
|