"แต่ที่เห็นว่าด่าแล้วได้ผล ก็พระครูแสงชัย สมัยนั้นท่านยังไม่ได้บวช ด้วยความที่ท่านอยากรู้ว่าเราเดินอย่างไร ทุ่งใหญ่ระยะทาง ๙๓ กิโลเมตร เราเดินวันเดียวไปถึงได้ ก็เลยให้เขาไปด้วย เพราะไม่มีอะไรดีกว่าการพิสูจน์ด้วยตนเอง ไปบอกหรืออธิบายให้เขาฟัง อย่างไรก็ไม่หายสงสัย
ตอนนั้นเดินตอนตีสามแล้วฝนก็ตก ตกตั้งแต่ก่อนตีสามอีก จึงต้องเดินตากฝนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งบ่ายโมงจะบ่ายสองอยู่แล้ว ฝนก็ยังไม่หาย แม้แต่ขณะที่เดินอยู่ก็ยังรู้สึกหนาว มือเหี่ยวซีดไปหมด
ตอนนั้นคุณแสงชัยยังไม่ได้บวช ตกไม่เลิกสักที คงอดรนทนไม่ไหวแล้ว ด่าลั่นเลย "โคตรพ่อโคตรแม่มึง ทางอีสานเขาต้องการ มึงไม่ไปตก กูไม่ได้ต้องการ ดันตกอยู่ได้..!" ด่าจบฝนหยุดตกเลย อย่างนี้น่าจะด่าเสียตั้งแต่ตอนตีสามแล้ว..!
ตามสำนวนกำลังภายในเขาว่า "พลังวัตร" ไม่พอ อุตส่าห์คุมตัวเองได้มาเป็นสิบชั่วโมง มาหลุดเอาตอนท้าย เลยก่อวจีกรรมเข้าจนได้
พาเขาไปจนถึงบ้านคลิตี้บน (บ้านทุ่งเสือโทน) ตอนบ่ายสามโมงพอดีเลย คุณแสงชัยไปถึงก็หัวไถพื้น นอนแผ่หลา เราถามว่า "เฮ้ย..ไม่ไปอาบน้ำ กินข้าวกินปลาก่อนหรือ ?" เขาก็บอกว่าไม่ จะนอนท่าเดียว เราไม่รู้จะทำอย่างไรก็เลยเอายาแก้ไข้ยัดปากให้ไปสองเม็ด กรอกน้ำให้แล้วก็หลับไปเลย
ส่วนเราออกไปโบกรถ นั่งรถออกมาอีก ๘๐ กว่ากิโลเมตร กว่าจะถึงตลาดทองผาภูมิก็ค่ำ ไปทุบประตูเขาขอซื้อแกลลอนสองใบ ใบละ ๓๐ ลิตร แล้วก็วิ่งไปปั๊มน้ำมัน ขอซื้อน้ำมันเบนซิน เติมมา ๖๐ ลิตร ไปนอนค้างที่เกาะพระฤๅษีคืนหนึ่งก็วิ่งกลับเข้าไปใหม่ ไปช่วยรถที่ติดอยู่ข้างใน
รถสองแถวเขามาได้แค่บ้านทุ่งเสือโทน เราก็ต้องแบกน้ำมันสองถัง ๖๐ ลิตร เดินเข้าทุ่งใหญ่อีกรอบ ผลปรากฏว่า..ความที่คิดจะช่วยคนอื่นเขาโดยไม่นึกถึงความยากลำบาก เทวดาท่านอาจจะเห็นใจ
พอดีไปเจอคณะนักศึกษาธรณีวิทยา หัวหน้าคณะ คือ ท่านอาจารย์บุญส่ง โยกาศ ท่านแปลกใจว่า พระแบกน้ำมันสองถังเดินมาทำอะไร ? ตอนนั้นท่านกำลังคุมนักศึกษาให้เก็บตัวอย่างแร่อยู่ในป่าข้างทาง ยังอุตส่าห์เดินขึ้นมาถาม ก็เลยบอกกับท่านว่า มีโยมที่เพิ่งจะรู้จักกัน รถเขาไปน้ำมันหมดอยู่ในทุ่งใหญ่ ก็เลยต้องแบกน้ำมันไปให้เขา
อาจารย์บุญส่งท่านคงจะเห็นความบ้า ก็เลยบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นไปรถผมก็แล้วกัน" ถามท่านว่า "แล้วงานของอาจารย์ล่ะ ?" ท่านก็บอกว่า "ไม่เป็นไร ปล่อยนักศึกษาเก็บตัวอย่างไป เดี๋ยวผมกลับมารับเขาได้"
ท่านก็ขับรถพาไปส่ง ตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ ยังไม่ได้เจอหน้าท่านอาจารย์บุญส่งอีกเลย คาดว่าคงเกษียณไปนานแล้ว ถ้าจำไม่ผิด ช่วงนั้นประมาณปี ๒๕๓๖ หรือ ๒๕๓๗ นี่แหละ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-01-2019 เมื่อ 20:18
|