๓. จงทำจิตให้ผ่องใสอยู่เสมอ เพราะพระองค์ทรงทราบดีว่าสมาธิหรือฌาน หรือเจริญแต่สตินั้น ยังไม่สามารถจะฆ่ากิเลสให้ตายสนิทได้ จะต้องใช้ปัญญาพิจารณาหาเหตุผล คือ ต้องรู้ต้นเหตุของมันเสียก่อน แล้วแก้ที่เหตุ หรือดับที่เหตุนั้นให้ได้ จิตจึงจะผ่องใสอยู่เสมอ
ตัวสติ สมาธิเป็นแค่การยับยั้งกิเลสไว้ชั่วคราว ต้องใช้ปัญญาหรือวิปัสสนา หรือวิปัสสนาภาวนาเป็นตัวตัด จึงจะทำให้กิเลสตายได้ และพระองค์เป็นองค์แรกที่พบอริยสัจ ๔ ซึ่งพระองค์ประกาศว่า เป็นปัญญาสูงสุดในพุทธศาสนา และมีแต่ในเฉพาะศาสนาของพระองค์เท่านั้น
เราจะเห็นได้ชัดว่า ศาสนาทุกศาสนาในโลก มีแนวการสอนคล้ายกันหมด คือ ให้ละความชั่ว ให้กระทำแต่ความดี แต่อุบายต่างกัน และมีทิฏฐิหรือความเห็นไม่เหมือนกัน แต่ในพุทธศาสนามีข้อที่ ๓ คือ ให้ทำจิตให้ผ่องใสอยู่เสมอ เพื่อให้พ้นจากอำนาจของกิเลส หมายความว่าใช้หลักแค่ ๒ ข้อ ยังฆ่ากิเลสไม่ได้ ได้แค่ระงับไว้เท่านั้นเอง ระงับชั่วคราว จึงยังไม่พ้นโง่ (อวิชชา)
|