เรื่องของการภาวนาพิจารณา ถ้าพวกคุณพิจารณารายละเอียดไม่ได้ เอาซีดีที่ผมเทศน์ที่วัดทองผาภูมิมาเปิดฟัง แล้วคิดตามไปเลย ช่วงนั้นผมพูดให้คิดตาม ถ้าจิตของเรากำหนดตัดตามไปได้ก็จะทำได้เลย ไม่ต้องไปเสียเวลาไปใช้ปัญญาด้วยตัวเอง
ระยะหลัง ๆ นี่ต้องบอกว่า สัญญากับปัญญาของคนเรา ทรามลงไปมากจริง ๆ อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ แม้กระทั่งเพื่อนพระในรุ่นเดียวกัน ผมไปถามเรื่องการพิจารณา ก็ไม่มีใครทำละเอียดอย่างที่ผมทำ
ที่ผมทำละเอียดนี่ก็ไม่ใช่อะไร เพราะว่าถ้าหากว่าเราไม่พิจารณาให้ละเอียด จิตก็จะไม่ยอมรับ ในเมื่อไม่ยอมรับ ก็ปล่อยไม่ได้ตัดไม่ขาดเสียที แรก ๆ ก็เหมือนกับเราตีอวนจะเอาปลาทั้งทะเล
เราต้องพิจารณาให้ละเอียดที่สุดก่อน หลังจากนั้นพอมีความชำนาญ คล่องตัวมากเข้า ก็เหมือนกับเล็งเอาปลาที่ดีที่สุดตัวเดียว ก็จะเหลือเพียงนิดเดียว
แค่คุณบอกว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา แล้วใจเราไม่เถียงก็ใช้ได้
แต่ถ้าบอกว่าร่างกายนี่ไม่ใช่ของเราแล้ว ใจเรายังเถียง..ไม่ใช่อย่างไรวะ ? ตีกูก็เจ็บ หิวก็กูหิว อย่างนี้ก็ใช้ไม่ได้
เพราะฉะนั้น..ในวันนี้ที่อยากฝากไว้คือว่า เราเข้ามาอยู่ในสถานที่นี้แล้ว เรื่องของคันถธุระคือการศึกษาเล่าเรียนนั้นเป็นเรื่องจำเป็น อย่างน้อยให้ได้นักธรรมเอกไว้ ถ้าหากว่าทำได้มากกว่านั้นก็จะดี หูตาจะกว้างไกลขึ้น ความรู้ในพระพุทธศาสนาจะได้มากขึ้น
แม้ว่าเราจะไม่ได้เรียนถึงขนาดนั้น ก็ให้อ่านพระไตรปิฎก น่าเสียดายที่ผมถวายให้กับทางห้องเรียนวัดไร่ขิงไปแล้ว เดี๋ยวจะหาชุดใหม่มาให้ เปิดพระไตรปิฎกอ่านไปเรื่อย ทุกบท ทุกตอน ทุกพระสูตร ที่พระพุทธเจ้าท่านเทศน์ มีคนได้มรรคผลทั้งนั้น
อ่านเข้าไว้ ยิ่งรู้รายละเอียดมากเท่าไร ต่อไปจะเป็นคนมีเสน่ห์ เพราะว่าเราสามารถเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ญาติโยมเขาฟังไปได้เรื่อย ๆ ไม่มีจนแต้มหรอก แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ สามวันสามคืนก็เล่าไม่หมด
เรื่องของวิปัสสนาธุระ ไม่ว่าจะเป็น ศีล สมาธิ หรือ ปัญญา เราทิ้งไม่ได้ ทิ้งเมื่อไรก็จะไม่ใช่นักบวช แล้วขณะเดียวกัน เราจะโดนกิเลสตีตาย
ฉะนั้น..
เรื่องของงานอื่น ๆ แม้ว่าจะสำคัญ แต่เรื่องงานในใจสำคัญที่สุด พยายามรักษาไว้ให้ดี เราจะอยู่รอดหรือไม่รอดก็ตรงนี้ เสียดายท่านที่สึกหาลาเพศไป ผมก็ไม่มีหน้าที่ไปห้ามปราม แต่ถ้าหากว่าเขาตั้งใจปฏิบัติ ผมเชื่อว่าอยู่ได้กันทุกคน
-----------------------------------