เดินมาเจอยักษ์สามตนที่เฝ้าอยู่ด้านข้างสถูป แกยิ้มน่ารักดีเป็นบ้า เห็นแล้วต้องยิ้มตอบทันที เป็นรอยยิ้มซื่อ ๆ เด๋อ ๆ "จริงใจ๊...จริงใจ..!" อุทิศส่วนกุศลให้แล้วท่านนาวินยังติดใจ เดินไปคุยไปถึงรอยยิ้มสุดประทับใจของยักษ์ผู้น่ารัก ถ้าเจ้าที่พระราชวังมัณฑะเลย์เป็นแบบยักษ์สามตนนี้ อาตมาคงจะสบายใจขึ้นอีกเยอะ...
ยักษ์สามตนที่เฝ้าพระมหาสถูปเกามูดอ น่ารักเป็นที่สุด..!
ย้อนกลับมาลอดใต้สะพานรถไฟ ขึ้นไปยังยอดเขาสะกาย ภูเขาลูกนี้ไม่มีบ้านคนเลย มีแต่วัดกับสำนักแม่ชี มองไปทางไหนก็เจอแต่ชุดสีชมพู อายุตั้งแต่ระดับย่าทวดลงมาจนถึงสามขวบห้าขวบ ถ้าเมืองมัณฑะเลย์เป็นเมืองพระ สะกายก็เป็นเมืองแม่ชี แม่ชีของพม่าแบ่งออกเป็น ๒ ฝ่าย ฝ่ายศึกษาพระปริยัติธรรมจะนุ่งสีหมากสุกห่มสีชมพู ฝ่ายปฏิบัติจะนุ่งห่มสีกรัก (น้ำตาลแก่)...พวกเราตรงไปยังวัดอูมินตงเส่ (สามสิบอุโมงค์) ที่เด่นสง่าอยู่บนยอดเขา...
วัดอูมินตงเส่ (สามสิบอุโมงค์) บนยอดเขาสะกาย
ที่มาของชื่อวัดเกิดจากการสร้างเป็นอุโมงค์ เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูป มีช่องทางเข้า ๓๐ ช่อง แต่มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ๔๕ องค์ ที่ปากทางขึ้นสู่วัด ชาวบ้านเอาเมล็ดกระถินมาร้อยเป็นเครื่องประดับบ้าง ทำเป็นกระเป๋าถือบ้าง กระเป๋าสะพายบ้าง ดูมีคุณค่าน่าใช้สอย นับเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่สมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-06-2010 เมื่อ 13:04
|