จะว่าไปแล้ว พระเจ้าธีบอกษัตริย์องค์สุดท้ายของพม่า ในความรู้สึกของชาวพม่านั้น ก็คงเหมือนกับพระเจ้าเอกทัศน์ในความรู้สึกของคนไทยนั่นเอง คือได้รับความเคารพจากคนทั่วไปน้อยมาก ขนาดนั้นก็ตาม เมื่ออาตมาได้เห็นพระแท่นบรรทมที่แกะสลักจากแก้วผลึกทั้งหลัง ก็ยังถึงกับอึ้ง และรู้สึกถึงบุญบารมีของพระองค์ขึ้นมาครามครัน...
สมัยของพระเจ้ามินดงต่อด้วยพระเจ้าธีบอ ตกอยู่สมัยรัชกาลที่ ๓ และรัชกาลที่ ๔ ของไทย สมัยนั้นเทคโนโลยีทางการหลอมแก้วผลึก ยังไม่สามารถที่จะสร้างแก้วผลึกขึ้นมาขนาดมโหฬาร จนแกะเป็นพระแท่นบรรทมทั้งหลังได้อย่างแน่นอน นอกจากวัตถุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติด้วยบุญบารมีของคนเท่านั้น พูดง่าย ๆ ว่า บารมีไม่ถึงคงไม่ได้เป็นพระมหากษัตริย์หรอก..!
พระแท่นบรรทมที่แกะสลักจากแก้วผลึกทั้งหลัง
โดยเฉพาะพระเจ้าธีบอนั้น ไม่ใช่พระองค์ท่านอ่อนแอจนสู้อังกฤษไม่ได้ แต่พระองค์ท่านไม่ยอมสั่งสู้ เพราะกลัวว่าต้องฆ่าเขาต่างหาก..! พระองค์ท่านรักศีลยิ่งกว่าชีวิต แม้แต่เจ้าชายกะเนาว์พระราชบุตร สร้างโรงงานผลิตอาวุธ พระองค์ท่านยังรับสั่งให้เลิก เพราะมันเป็นเครื่องมือส่งเสริมในการฆ่า..!
กลับออกมาด้วยความรู้สึกใหม่ ๆ หลายอย่าง ความอหังการมมังการแทบจะสลายสิ้น รู้สึกเหมือนเป็นกบน้อยในรอยเท้าโคได้ออกสู่ทะเลกว้าง โลกนี้ยังกว้างใหญ่ไพศาล และมีสิ่งที่เราต้องเรียนรู้อีกมากนัก พลังกดดันที่ตามประกบอยู่คลายตัวออก ทำเอาอาตมาแทบจะเดินไม่เป็นเอาเลย มันเสียศูนย์อย่างไรพิกล..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-06-2010 เมื่อ 03:28
|