โดยเฉพาะในเรื่องของการภาวนา ถ้าหากว่ามีการเจ็บไข้ได้ป่วยในร่างกาย ถ้าเป็นเฉพาะจุดใดจุดหนึ่ง
ให้เรานึกถึงภาพพระไว้ตรงจุดนั้น ขยายท่านให้เต็มทั้งตัวของเราก็ได้
เมื่อขยายภาพพระขึ้น ให้กำหนดว่า สิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ แม้กระทั่งความเจ็บไข้ได้ป่วยในร่างกายของเรา เหมือนกับเป็นสีดำ พอภาพพระที่สว่างไสวขยายโตขึ้นเต็มตัวเรา ก็เท่ากับว่า ดันให้สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นออกจากตัวเราไป
ถ้าเราทำอย่างนี้เป็นประจำ จะช่วยให้อาการเจ็บป่วยบรรเทาลงได้ ขณะเดียวกัน ถ้าบางท่านเจ็บไข้ได้ป่วยเฉพาะที่ อย่างเช่นว่าเป็นมะเร็ง ก็กำหนดอยู่ตรงเฉพาะจุดนั้นจุดเดียว แล้วภาวนาไปเรื่อย
สิ่งที่เราทำนั้นเป็นบุญใหญ่ ความเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นแค่เศษของกรรมเท่านั้น ถ้าเราตั้งใจทำจริง ๆ ก็จะช่วยได้เยอะ แต่ว่าเมื่อไปถึงอีกระดับหนึ่ง นักปฏิบัติที่เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าไปแล้ว หรือว่าเป็นผู้หวังความหลุดพ้นจริง ๆ ท่านจะ
ยอมรับกฎของกรรม
ท่านจะคิดว่า เราเคยทำเขามา เราถึงเป็นอย่างนี้ แล้วใช้กำลังใจประคับประคองร่างกายทำงานไปวัน ๆ เพื่อรอวันตายเท่านั้น..!
ฉะนั้น ถ้าหากว่าเราจะแก้ไข ก็ต้องดิ้นรนด้วยตัวของเราเอง แต่ถ้าไม่แก้ไขก็ต้องทำจิตให้ยอมรับว่า
ในเมื่อตัวเราทำเอง ผลนั้นเกิดขึ้นแล้ว เราก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เราทำ ถึงจะเรียกว่าลูกผู้ชายจริง หรือเรียกว่าเป็นบุคคลที่มีกำลังใจเปิดกว้างจริง ๆ
ถ้าเราสามารถบรรเทาเบาบางได้ด้วยกำลังของเรา ก็ถือว่าไม่เกินวิสัย ในเมื่อไม่เกินวิสัยที่จะสามารถบรรเทาได้ก็ทำไป นึกถึงภาพพระไหลตามลมหายใจเข้าไปเลย
พระองค์เล็ก ๆ ไหลเข้าไปอยู่ในท้อง แล้วขยายท่านใหญ่ขึ้น หายใจเข้าไปก็ใหญ่ขึ้น หายใจออกมาก็ใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเบียดแทรกตัวเรา ทะลุออกมาข้างนอก ครอบเราไว้ทั้งตัวเลย ให้ภาพพระสว่างไสวอยู่อย่างนั้น
ถ้าทำดังนี้ นอกจากจะเป็นการยึดในพุทธานุสติแล้ว ยังมีอานิสงส์พิเศษ คือบรรเทากรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะกรรมที่เกิดจากการเจ็บไข้ได้ป่วยของเราได้อีกด้วย
นี่เป็นสิ่งที่อยากฝากไว้ในวันนี้ ว่าทุกอย่างที่เราทำนั้นมีผล ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ถึงวาระผลนั้นจะเกิด เพราะฉะนั้น..ขอให้ทุกคนเลือกทำแต่ในสิ่งที่ดี ๆ เมื่อถึงเวลาแล้วผลดีจะได้เกิดแก่ตัวเราเอง
------------------------------