แต่เราไม่ต้องถึงขนาดนั้น
เอาแค่ให้รู้ว่าหน้าที่ปัจจุบันของเราคืออะไร แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำ อย่าไปทิ้งก็พอ
เรื่องอื่นเป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น ในเรื่องของส่วนประกอบ ถ้าคนมีสติสัมปชัญญะอยู่ตรงหน้า ก็สามารถที่จะทำไปพร้อม ๆ กับการเจริญกรรมฐานได้ แล้ว
บุคคลที่มีสติสัมปชัญญะอยู่ตรงหน้า จะทำหน้าที่นั้นได้ดีกว่าปกติ เอ้า..ใครมีอะไรอีก ?
ถาม เวลาความทุกข์เกิดขึ้น เราไม่สามารถจะกำหนดได้ว่าเป็นเรื่องอะไร ควรจะทำอย่างไร ?
ตอบ นั่น
ใจหลุดไปจากอารมณ์เฉพาะหน้าแล้ว เมื่อใจหลุดไปจากอารมณ์เฉพาะหน้า เราต้องตั้งสติเท่าที่พอมีอยู่กำหนดดูว่า ตอนนี้ความทุกข์เกิดขึ้นในใจ นี่ถ้าหากว่าเป็นกรรมฐานในสติปัฏฐาน ๔ จะเป็นส่วนของ
จิตในจิต กับ
ธรรมในธรรม
จิตในจิตก็คือ ทันทีที่มีอารมณ์เกิดขึ้นมาในจิตขณะนั้น แล้วเราตามดูมัน ว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้นนี้สุขหรือทุกข์ หรือไม่สุขไม่ทุกข์
เรามีหน้าที่กำหนดดู กำหนดรู้ รู้ไว้เฉย ๆ ไม่ต้องไปแบกมันขึ้นมา รู้ว่ามันมีสภาพปกติเป็นทุกข์อย่างนี้
ถ้าหากว่าเรามีสติตามดูตามรู้ไปเรื่อย ๆ เราก็จะค่อย ๆ เห็นเองว่า ทุกข์ตัวนี้เกิดจากสาเหตุอะไร ส่วนใหญ่ก็คือ
เราหลุดจากการภาวนาในอารมณ์เฉพาะหน้า แล้วไปปรุงแต่งตาม ถ้าเราไม่คิด ไม่ปรุงแต่ง ผมขอยืนยันว่าเราจะไม่ทุกข์
จำไว้ว่าไม่ต้องทำอะไรมาก ขอให้
รู้ไว้เฉย ๆ ตามดูไปเรื่อย ๆ เจ้าพวกนี้ขี้อาย พอเราตามจี้ดูไปจริง ๆ มันจะหยุดเลย ไปต่อก็ไม่เป็นอีก ท่านอื่นมีอีกไหม ? ถ้าไม่มีวันนี้เอาแค่นี้ก่อนนะ...
------------------------------