คืออาตมารู้สึกคุ้นเคยกับบรรดาหมู่พระเจดีย์ทั้งหลาย เหมือนกับกลับมาบ้านเก่าของตนเอง จึงอธิษฐานว่า “ถ้าเคยเกิดที่นี่จริง ก็ขอพักที่เจดีย์บูพะยานี่แหละ” บังเอิญหรืออย่างไรไม่ทราบ พระเจ้าของถิ่นท่านเปิดหอพระอาคันตุกะให้หน้าตาเฉย ถามถึงค่าที่พัก ท่านบอกว่าให้ใส่ตู้บริจาคเอาตามอัธยาศัย...
![](http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=4791&stc=1&d=1272957115)
พระเจดีย์บูพะยา ด้านริมแม่น้ำอิระวดี(หลังจากปิดทองแล้ว)
ออกไปสรงน้ำกันใกล้ๆ กับส้วม เขาแยกเป็นของผู้หญิงผู้ชาย แต่ด้านของผู้ชายสูงกว่าทำให้น้ำไม่ไหล ทางด้านผู้หญิงยังไม่มีใครใช้บริการ พวกเราเลยเฮละโลไปด้านของผู้หญิงแทน มีขันน้ำแค่ใบเดียว ต้องผลัดกันอาบผลัดกันฟอกสบู่ ทุกคนพร้อมใจกันซักผ้า อาตมาเสร็จก่อนมีที่ตากเรียบร้อย คนมาทีหลังต้องตากกับพื้นห้องก็มี...
มีญาติโยมสี่ห้าคนมาพักด้วยและเป็นผู้หญิง หอพักอาคันตุกะเป็นห้องโถงโล่งๆ ไม่มีที่หลีกไปไหน พระภิกษุพักนอนในที่มุงที่บังเดียวกับผู้หญิง แม้ชั่วขณะหนึ่งก็ต้องอาบัติ อาตมาจึงใช้จีวรที่ตากอยู่นั่นแหละทำม่านกั้น กลายเป็นที่มุงเดียวกันแต่คนละที่บัง รอดจากศีลขาดไปได้อีกครั้ง พม่าเขาไม่ค่อยเคร่งครัดกับเรื่องล่อแหลมเหล่านี้เอาซะเลย..!
คลิกเพื่ออ่านตอนต่อไป
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คิมหันต์ : 19-05-2010 เมื่อ 14:45
|