๔. นั่นสิ รูปในนามอย่างนั้น เอ็งเห็นแล้ว เอ็งรักเคารพท่านหรือเปล่า
ก็รับว่าเคารพ
๕. แล้วในความรักและเคารพนั้น มันมีความโศกเศร้าเสียใจเจือปนอยู่ด้วยหรือเปล่า
ตอบว่า "เปล่า"
๖. นั่นแหละ เป็นความรักเคารพ ที่ไม่ได้เจือปนไปด้วยกิเลส เพราะไม่มีความเศร้าโศกเสียใจ ก็คิดว่าก็เมื่อท่านไม่มีร่างกาย แล้วจะไปเศร้าโศกเสียใจกับกายท่านได้อย่างไร
๗. แล้วอย่างนั้นจะเรียกว่าท่านตายได้หรือเปล่า
ก็รับว่า "เปล่าตาย"
๘. นั่นสิ ที่ตายนั้นเป็นร่างกาย เป็นธาตุ ๔ ไม่ใช่ท่านตาย เอ็งก็ยังพบท่านเห็นท่านได้ในสภาวะจิตพบจิต
๙. ถ้าอารมณ์ในขณะนั้นมีกิเลส เอ็งก็พบท่านไม่ได้ ความรักเคารพอย่างนี้สิ จึงจะเป็นของดี จิตไม่เศร้าหมอง มีสิทธิ์ที่จะไปพระนิพพานได้ แต่ความรักเคารพอาลัยโศกเศร้าเสียใจในขันธ์ ๕ ของพ่อนั้น เป็นของไม่ดี เป็นกิเลส มีความเศร้าหมองของจิต ตายแล้วไปพระนิพพานไม่ได้
๑๐. พยายามเข้าสิ ตัดความอาลัยเศร้าโศกเสียใจในขันธ์ ๕ ของพ่อลงเสียให้ได้ พ่อในสมัยที่ยังทรงชีวิตอยู่ เป็นผู้ไม่หวังในขันธ์ ๕ เพียงใด ขอให้เอ็งจงหมั่นทำจิตให้เป็นผู้ไม่หวังในขันธ์ ๕ เพียงนั้น ไม่ว่าขันธ์ ๕ ของพ่อหรือขันธ์ ๕ ของใคร หรือแม้แต่ขันธ์ ๕ ตัวเอง เพราะในที่สุดของขันธ์ ๕ คือความตายทุกรูปทุกนาม ความจริงมันเป็นอย่างนี้ แล้วจะไปหวังขันธ์ ๕ ทำไมกัน
๑๑. รัก รักให้เป็น รักพ่ออย่างพระพุทธเจ้าสิ รักอย่างพระอริยสงฆ์ในพุทธกาลสิ จิตจะได้ผ่องใส ขอให้คิดดี ๆ (ธรรมจุดนี้ ผมขอให้หัวเรื่องว่า รักเป็นกับรักไม่เป็น)
|