ชื่อกระทู้: ไม่รู้กาลเทศะ
ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 30-03-2010, 13:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default ไม่รู้กาลเทศะ

มีโยมอยู่ประเภทหนึ่ง อาตมานั่งอยู่นานเนกาเล โยมไม่ถวายสังฆทาน นั่งไปเรื่อย พออาตมาจะลุกไปฉันเพล โยมจึงตั้งท่าถวาย อาตมาเลยปล่อยให้กองอยู่ตรงนั้นแหละ..!

ความจริงหลักธรรมของพระพุทธเจ้านั้นมีมาก แต่พวกเรามักจะเอามาประยุกต์ใช้ในชีวิตไม่เป็น โดยเฉพาะพวกขาดกาลัญญุตา คือ ไม่รู้ว่าวาระไหนสมควรหรือไม่สมควร แสดงว่าท่านไม่ได้เป็นศิษย์ของพระอานนท์

พระอานนท์เป็นสุดยอดของพระเลขานุการ เพราะว่าเป็นผู้อุปัฏฐากพระพุทธเจ้า ถ้าเทียบกับสมัยนี้คือ เลขานุการส่วนตัว พระอานนท์สามารถจัดคนเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าได้ในเวลาที่เหมาะสมทุกราย

ฉะนั้น...การที่เราจะทำอะไร ถ้าหากดูเวลา ดูความเหมาะสม ก็แสดงว่าเราเป็นผู้ที่มีธรรมอยู่ในหัวใจ คือ กาลัญญุตา รู้จักเวลา เป็นข้อหนึ่งในสัปปุริสธรรมทั้ง ๗

แต่สมัยนี้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้เวลากัน ถ้าหากว่าแรง ๆ หน่อย ก็คือ ไม่รู้กาลเทศะ กาละ คือ เวลา , เทศะ คือ สถานที่ ไม่รู้ว่าเวลาไหนเหมาะ เวลาไหนควร ? ไม่รู้ว่าสถานที่ไหนเหมาะ สถานที่ไหนควร ? ถ้าบอกว่าไม่รู้กาลเทศะ บางทีก็โกรธ...แต่โกรธโดยที่ไม่รู้ว่าเขาว่าอะไร

ดังนั้น..ถ้าหากเรามีความรู้เรื่องธรรมทั้งหลายเหล่านี้ แล้วนำไปใช้ในชีวิตจริง จึงจะสมกับเป็นผู้ปฏิบัติธรรม ถ้าหากว่าไม่รู้แล้วไปทำผิด ๆ พลาด ๆ คนอื่นเขาจะตำหนิได้ว่า เสียทีที่เข้าวัดเข้าวา แต่กลับไม่รู้กาลเทศะ เป็นต้น

อาตมาฉันเพลอยู่ ตักข้าวใส่ปากได้สามคำ เสียงโทรศัพท์กริ๊ง
"แม่ชีเองค่ะ" ถามว่า "แม่ชีฉันเพลไหม ?"
"ไม่ได้ฉันค่ะ วันนี้ฉันมื้อเดียว" "แต่ตูกำลังฉันอยู่..!"

ให้รู้เสียบ้างเวลาไหน ไม่ใช่โทรส่งเดชไปเรื่อย โดยเฉพาะจะโทรหาพระ ทั้ง ๆ ที่เป็นแม่ชี และก็รู้ด้วยว่าเวลานี้คือเวลาเพล แต่ก็จะโทร อย่างนี้เขาเรียกว่าไม่รู้กาลเทศะ บางรายหนักกว่านั้นอีก
บอกว่า "กำลังฉันเพลอยู่" "ไม่เป็นไรค่ะ ขอสามนาที"
"คุณไม่เป็นไร แต่อาตมากำลังกินอยู่โว้ย..!"

เป็นเสียอย่างนี้ แสดงว่าจิตใจของคนเราหยาบขึ้นไปเรื่อย ๆ การปฏิบัติมีแต่จะต้องดีขึ้นและเจริญขึ้นทุกวัน แปลว่ายิ่งทำต้องยิ่งละเอียด ไม่ใช่ว่ายิ่งทำแล้วยิ่งหยาบขึ้นทุกวัน ถ้าทำลักษณะอย่างนั้นเป็นการก้าวถอยหลัง ถอยหลังลงคลอง

ฉะนั้น..ถ้าหากว่าใครปฏิบัติแล้วรู้สึกว่าไม่ก้าวหน้า ให้พิจารณาด้วยว่า กาย วาจา ใจ ของเรา มีอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควรบ้าง แล้วก็แก้ไขปรับปรุงเสีย ค่อย ๆ ทำไป เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ก่อนเพล ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันอาทิตย์ที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๓
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2014 เมื่อ 10:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 119 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา