ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 08-04-2024, 00:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,934 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพียงแต่เป็นห่วงว่าคนรุ่นหลัง ๆ นั้น ถ้าหากว่าไม่ตายเพราะสงครามเสียก่อน ก็คงจะอยู่ยากมากขึ้นไปทุกวัน เนื่องเพราะว่าอันดับแรกจำนวนคนที่มากขึ้น พื้นที่ในการทำการเกษตรที่จะเลี้ยงตัวเองก็น้อยลงประการหนึ่ง โดนบรรดานายทุนรายใหญ่ ดึงไปเข้าร่วมโครงการทำการเกษตรเชิงเดี่ยว เพื่อที่จะป้อนให้กับโรงงานต่าง ๆ ของนายทุนอีกอย่างหนึ่ง

ขณะเดียวกันจำนวนคนที่มากขึ้น พื้นที่การทำกินโดยเฉลี่ยก็ลดน้อยถอยลง ส่วนที่ไม่มีพื้นที่ทำกิน ถ้าไม่ไปเข้าโรงงานต่าง ๆ ก็ต้องไปทำผิดกฎหมายด้วยการหักล้างถางพงในพื้นที่ส่วนที่เหลืออยู่ ก็จะทำให้พื้นที่ป่าน้อยลงไปเรื่อย ๆ

ขณะเดียวกันในส่วนของพื้นที่ป่าที่เหลือ ซึ่งดาวเทียมรายงานลงมานั้น ก็กลายเป็นพื้นที่การเกษตรเชิงเดี่ยว อย่างเช่นว่าพื้นที่ของดงยางพารา พื้นที่ของดงปาล์มน้ำมัน เป็นต้น ซึ่งพืชผลทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าขายไม่ได้ ก็ไม่สามารถที่จะกินได้อีกต่างหาก

ดังนั้น..ถ้าหากว่าใครยังมีพื้นที่เหลืออยู่ ให้พยายามศึกษาในการทำเกษตรยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นเกษตรตามแนวทฤษฎีใหม่ หรือที่เรียกง่าย ๆ กันว่า เกษตรเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยศาสตร์พระราชาอย่างหนึ่ง หรือว่าโครงการโคกหนองนาในพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ อีกประการหนึ่ง

ถ้าทำในลักษณนี้ ก็จะเป็นเกษตรยั่งยืน คือสามารถที่จะทำให้เรามีกินมีใช้ก่อน หลังจากที่เหลือแล้ว ค่อยนำออกไปขาย เป็นรายได้เข้ามาเจือจุนครัวเรือนของตน พูดง่าย ๆ ว่า
ต่อให้ไม่มีเงิน ก็สามารถที่จะมีอยู่มีกินตามปกติ

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ กระผม/อาตมภาพเคยแนะนำให้ชาวบ้านแถวทองผาภูมิทำอยู่ประมาณ ๙ ปีเต็ม ๆ ในช่วงที่ยังสังกัดส่วนเผยแผ่จริยธรรมของกรมป่าไม้ ซึ่งปัจจุบันนี้เปลี่ยนเป็นกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งไม่แน่ใจว่ากระผม/อาตมภาพยังจะเรียกชื่อได้ถูกต้องหรือเปล่า ?

ในช่วงนั้นก็ยังคิดว่า "เราเป็นพระ ทำไมต้องมาทำหน้าที่แบบนี้ด้วย ?" แต่เมื่อยิ่งนานไป ก็ยิ่งเห็นอย่างชัดเจนว่า
บุคคลที่ไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ ไม่มีความมั่นคงทางด้านอาหารแล้ว ส่วนอื่น ๆ ก็จะลำบากไปทั้งหมด จึงได้เห็นสายพระเนตรอันยาวไกลของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ซึ่งได้กำหนดเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามหลักแนวเศรษฐกิจพอเพียง แล้วก็ได้รับการสืบสาน รักษา และต่อยอด โดยในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ สืบมา

แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าลูกหลานซึ่งมีที่ดินมรดกของปู่ย่าตายาย ก็มักจะขาย เอาเงินไปใช้จ่ายในส่วนอื่นเสียหมด ทำให้ต้องยากลำบากในการที่จะทำมาหากิน แล้วมาซื้อข้าวของที่แพงขึ้นไปทุกวัน ซ้ำยังทำให้สภาพอากาศทั้งร้อนทั้งแล้งอย่างที่เห็นอยู่ ถ้าหากว่าท่านใดกลับตัวทัน หันมายึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ก็อาจจะทำให้ท่านทั้งหลายลำบากน้อยกว่าคนอื่นเขา แล้วในขณะเดียวกัน
เมื่อพึ่งพาตนเองได้ ลูกหลานของเราก็จะได้มีความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-04-2024 เมื่อ 00:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา