ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 05-04-2024, 22:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,692
ได้ให้อนุโมทนา: 152,019
ได้รับอนุโมทนา 4,417,926 ครั้ง ใน 34,282 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายไปฟังเพลงเก่า ๆ อย่างเช่นนิราศรักนครปฐมของไพรวัลย์ ลูกเพชร ที่เนื้อร้องมีว่า "รถเมล์รับจ้างประจำทางสายเพชรบุรี ผ่านองค์ปฐมเจดีย์ สีทองมองสูงตระหง่าน ฯลฯ" อย่าไปสงสัยว่าทำไมเป็นสายเพชรบุรีแล้วผ่านนครปฐม เพราะสมัยก่อนพื้นที่เขาทับซ้อนกันอยู่

คราวนี้เมื่อมีการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ก็ต้องมีการกำหนดเขตพื้นที่กันใหม่ โดยเฉพาะในส่วนของบ้านเรา ก็คือทองผาภูมินี่สลับซับซ้อนมาก ก่อนหน้านั้นเป็นเมืองท่าขนุน จากท่าขนุนเป็นเมืองท้องผาภูมิ ไม่ใช่ทองผาภูมิ มีไม้โทด้วย แต่คราวนี้ไปขึ้นอยู่กับกิ่งอำเภอสังขละบุรี อำเภอทองผาภูมิมาตั้งขึ้นทีหลัง ประมาณปีพุทธศักราช ๒๔๘๒ ถึงได้เริ่มเป็นเมืองทองผาภูมิขึ้นมา เมืองท่าขนุนที่เป็นชื่อบ้านนามเมืองตั้งแต่ดั้งเดิม ก็เลยลดความสำคัญลงมา เหลือแค่ตำบลท่าขนุน

ถ้าเอาแค่ตำบลท่าขนุนนี้ กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่า น่าจะเป็นตำบลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพราะว่าปัจจุบันนี้ตำบลท่าขนุนโดนหั่นออกไปเป็นตำบลสหกรณ์นิคม เป็นตำบลห้วยเขย่ง แล้วยังเป็นตัวตำบลท่าขนุนเองอีกต่างหาก ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าเรื่องพวกนี้ ถึงเวลาไม่มีการบอกกล่าว ไม่มีการเล่าสู่กันฟัง ก็จะค่อย ๆ สูญหายไปเรื่อย เพราะว่าสังคมและวัฒนธรรมของเราเปลี่ยนแปลงไป

สมัยกระผม/อาตมภาพเด็ก ๆ ชอบฟังคนแก่คุย คนแก่ถ้าได้เล่าเรื่องความหลังจะมีความสุขมาก กระผม/อาตมภาพเป็นเด็ก ก็ไปถามโน่น ถามนี่ ถามนั่นไปเรื่อย ท่านก็เล่าให้ฟังไปเรื่อย จนกระทั่งหลายบ้านเข้าใจผิด ก็คือตอนแรกคิดว่ากระผม/อาตมภาพไปจีบลูกสาวเขา แต่ปรากฏว่าไปคุยกับพ่อแม่ ปู่ย่าตายายของเขา ไม่คุยกับลูกสาวเลย..! จนกระทั่งหลายบ้านตอนหลังยังบอกว่า "มองผิดไปหน่อย" ก็คือคิดว่ามาหาลูกหาหลาน ที่ไหนได้ มาหาแต่คนแก่..!

ก็คือถ้าคนแก่เขามีความถนัดหรือชำนาญในเรื่องอะไร ที่กระผม/อาตมภาพสนใจจะศึกษา ก็จะไปสอบถาม ศึกษาหาความรู้ เพราะว่าเขามีความเชี่ยวชาญด้านนั้นเป็นพิเศษ หรือบางอย่างถ้าเขาหวงวิชาไม่ยอมสอน ก็ใช้วิธี "ครูพักลักจำ" ก็คือในช่วงที่เราอยู่ ก็แอบจดจำว่าเขาทำอย่างไรบ้าง แล้วเมื่อถึงเวลาเราก็มาเลียนแบบ ลองผิดลองถูก จนกว่าจะทำถึง คือได้อย่างที่เขาเคยทำ

สมัยก่อนนั้นการขึ้นบ้านไหนเรือนไหนก็สามารถไปอาศัยพักได้ เจ้าของบ้านยินดีต้อนรับ ถึงขนาดมีการผูกเป็นโคลงเป็นกลอนเอาไว้ว่า "ตามธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ อย่างเลิศดีตามมีและตามเกิด ให้เพลินเพลิดกายากว่าจะกลับ ฯลฯ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-04-2024 เมื่อ 02:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา