ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 04-04-2024, 00:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การจัดงานทุกอย่าง ควรที่จะรวบรัดให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ล่าสุดที่พบมา เป็นการจัดงานที่ถูกใจมากที่สุด ก็คืองานพระราชทานเพลิงศพของคุณแม่จุไร ชุติมันต์ แม่ของดร.ธีรชัย ชุติมันต์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ทันทีที่ประธานในงานมาถึง ก็มีการแสดงโขนต้อนรับ แล้วก็ต่อด้วยการทอดผ้าไตร เพื่อพิจารณาผ้าบังสุกุล สำหรับพระที่ขึ้นพิจารณาผ้าบังสุกุล ก็ให้วางดอกไม้จันทน์ไปพร้อมกันเลย ได้งานครบถ้วนทุกอย่างในเวลาที่น้อยมาก

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องที่ว่ากันไม่ได้ สอนกันไม่ได้ นอกจากเก็บเอามาเป็นประสบการณ์ ถ้าใครมีโอกาสก็จะได้ปรับปรุงงานของตนเอง หรือถ้าใครไม่คิดที่จะปรับปรุง ก็ยังคงเป็นงานที่ยืดเยื้อต่อไป

การทำงานแต่ละอย่างนั้น โดยเฉพาะกิจนิมนต์ ถ้าหากว่าเป็นในกรุงเทพฯ หรือปริมณฑล ท่านมักจะจัดเอา ๔ โมงเย็น ๕ โมงเย็น เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่ได้รับฏีกานิมนต์นั้น ไปงานช่วงเช้ากับช่วงเพลได้ก่อน หรือถ้าอยู่ไม่ไกล ยังไปงานช่วงบ่ายได้อีก ๑ งาน แล้วหลังจากนั้นจึงมางานตามที่ท่านนิมนต์เอาไว้

พวกท่านจะสังเกตว่า ถ้ากระผม/อาตมภาพได้รับนิมนต์ให้ไปปลุกเสกวัตถุมงคล ไม่ว่าจะเป็นวัดอรุณราชวราราม วัดระฆังโฆสิตาราม หรือว่าวัดสุทัศน์เทพวราราม มักจะเป็นงานช่วงเย็นหรือช่วงค่ำไปเลยทั้งสิ้น นั่นเป็นความเอื้อเฟื้อของเจ้าของงาน เพื่อที่ให้เราได้ไปงานอื่นก่อน
ถ้ามีผู้นิมนต์ในวันเดียวกัน จะได้ไม่ต้องเสียน้ำใจกัน

แต่ถ้าโดยนิสัยของกระผม/อาตมภาพแล้ว ถ้ารับนิมนต์ในที่หนึ่ง ถ้าที่อื่นมานิมนต์ซ้ำ ก็จะไม่รับ ยกเว้นอย่างเดียวว่าเป็นฏีกาหลวง ขณะเดียวกันในเรื่องของงานทั่ว ๆ ไป อย่างเช่นว่า สวดมนต์เย็น ฉันเช้า ฉันเพล กระผม/อาตมภาพไม่รับเลย เนื่องเพราะว่าเสียเวลาในการทำงานอื่นมาก

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ บางท่านอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องของการดึงน้ำใจของญาติโยมให้อยู่กับวัดเรา จึงจำเป็นที่จะต้องรับงานทั้งหลายเหล่านี้ กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ว่าให้พระรูปอื่นไปแทนเสมอ โดยเฉพาะถ้าเป็นงานช่วงค่ำ ไม่ใช่จำเป็นจริง ๆ จะไม่รับเลย เนื่องเพราะว่าเป็นช่วงที่มาลาเรียจะกำเริบ รับงานใครหลัง ๖ โมงเย็นไปแล้ว ก็ต้องฉันยาล่วงหน้าไปก่อน เป็นการป้องกันตนเองเอาไว้

แล้วช่วงระยะเวลาหลายวันนี้ อาการเจ็บไข้ได้ป่วยเหมือนกับคนปวดหัวหนัก ๆ บวกกับปวดฟันอย่างหนัก แล้วก็บวกกับปวดไมเกรนอย่างหนัก ระดมมาพร้อม ๆ กัน ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเกิดจากยาตัวใหม่ที่หมอให้มาหรือเปล่า เพราะว่าทุกครั้งที่เปลี่ยนยาตัวใหม่ เชื้อโรคจะต่อต้านสุดฤทธิ์ หรืออาจจะเป็นไปได้ว่า ไปแบกสถานการณ์สงครามของโลกเอาไว้ จนกว่าจะผ่านวันเสาร์ ๕ นี้ไปก่อน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2024 เมื่อ 02:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา