แล้วองค์สมเด็จพระทศพลก็ได้ตรัสแก่พระภิกษุทั้งหลายว่า สาเหตุแห่งความรักนั้น มีมาดังนี้คือ ปุพเพวะ สันนิวาเสนะ ปัจจุปปันนะ หิเตนะวา เอวันตัง ชายะเต เปมัง อุปะลัง วะ ยะโถทะเก
ปุพเพวะ สันนิวาเสนะ ก็คือความรักนั้นย่อมเกิดด้วยเหตุ ๒ ประการ ประการที่ ๑ การอยู่ร่วมกันมาในกาลก่อน ที่ภาษาไทยเรียกกันว่าบุพเพสันนิวาส
ประการที่ ๒ ท่านบอกว่าปัจจุปปันนะ หิเตนะวา ก็คือ เกื้อกูลสร้างประโยชน์ต่อกันในปัจจุบัน
เอวันตัง ชายะเต เปมัง อุปะลัง วะ ยะโถทะเก ก็คือเหมือนอย่างกับดอกบัวที่เกิดขึ้นในน้ำ จะเกิดได้ก็เพราะอาศัยเหตุสองประการ คือน้ำและโคลนฉะนั้น
ดังนั้น..ธรรมดาความรักนี้ ถ้าหากว่าเคยเกิดเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นสามีภรรยา หรือสหายกันมาในชาติก่อน ๆ ความรักนั้นก็ยังคงติดตามไปในชาติอื่น ๆ อีก ทำให้เห็นหน้าก็รู้สึกรัก รู้สึกชอบพอใจ
ในขณะเดียวกัน ถ้าในชาติปัจจุบันนี้ มีการเกื้อกูลต่อกัน เอื้ออาทรต่อกัน ก็ก่อให้เกิดความรักได้เช่นกัน ดังนั้น..ใครที่หมอดูบอกว่าไม่มีเนื้อคู่ โปรดอย่าเชื่อเป็นอันขาด เนื้อคู่ที่ว่านั้นคือเนื้อคู่โดยบุพเพสันนิวาส เราก็มาหาเนื้อคู่ที่เกื้อกูลกันในปัจจุบันเสียก็หมดเรื่องไป..!
ส่วนการที่เราจะอยู่ด้วยกันในฐานะคู่ครอง แล้วสามารถที่จะอยู่ได้ โดยที่ไม่ลำบากมากนัก ก็ต้องมีสมชีวิธรรม ๔ ประการ ซึ่งตรงนี้มาในอังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๑ สุตตันตปิฎก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-03-2024 เมื่อ 01:08
|