ถาม : ถ้าเราพิจารณาว่าร่างกายไม่มี ทำไมรู้สึกว่าร่างกายมันหนัก
ตอบ : เพราะเป็นภาระ
ถาม : มันหนักขึ้นเรื่อย ๆ
ตอบ : สมาธิแน่นขึ้น พอสมาธิแน่นขึ้น ทรงตัวมากขึ้น ถ้าถึงระดับฌานสองต่อฌานสาม เราจะรู้สึกหนัก หรือบางทีเหมือนกลายเป็นหินไปเลย
ความจริงไม่อยากจะบอก แต่ว่าถ้าไม่บอกก็อธิบายไม่ชัด แต่พอบอกไปก็ให้ระมัดระวังไว้ว่า ต่อไปเวลาปฏิบัติอย่าอยากให้เป็นอย่างนั้น ถ้าอยากให้เป็นอย่างนั้นเมื่อไร ชาตินี้ก็ไปไม่ถึง เพราะจะกลายเป็นฟุ้งซ่าน รอว่าเมื่อไรจะเป็นอีก ให้เราปฏิบัติไปเหมือนเดิมทุกอย่าง จะเป็นหรือไม่เป็นก็เรื่องของมัน
ถาม : ก็คือ ช่างมัน
ตอบ : จ้ะ เรามีหน้าที่ทำ จะเป็นหรือไม่เป็นก็ช่างมัน
ถาม : แล้วบางทีใจหวิว ๆ
ตอบ : ไม่เป็นไรจ้ะ เรื่องของร่างกาย อย่าไปสนใจมากนัก คิดว่าเราทำความดีอยู่ ตายตอนนี้ก็ช่างมัน
อยากจะบอกกับโยมว่า ที่มานั่งตอบตรงนี้ได้เพราะหวิวมาเยอะแล้ว ทุกขั้นตอนที่โยมว่า อาตมาเจอมาหมดแล้ว
ถาม : มันจะตาย
ตอบ : ถ้าใจจะขาด ให้ตัดใจไปเลย ตายเป็นตาย..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-03-2010 เมื่อ 20:28
|