กระผม/อาตมภาพตอนนั้น เป็นผู้ที่ที่ไร้ซึ่งวิจิกิจฉาในครูบาอาจารย์เสียแล้ว บอกอะไรก็ไม่มีการสงสัย แค่เรื่องของการเรียกชื่อ ตัวคาถาไม่ได้ผิด ในเมื่อท่านบอกว่าเอาไว้ขับไล่ไสยศาสตร์ กระผม/อาตมภาพก็แค่ตั้งใจภาวนาแล้วขับไล่ไสยศาสตร์เท่านั้น ไม่เหมือนกับของเดิมที่เอาไว้สำหรับไล่ผี ในเมื่อสามารถใช้เพิ่มขึ้นมาได้ ก็เป็นเรื่องที่ดี
แต่ว่าเมื่อมาศึกษาในการเขียนยันต์และชักสูตรสำหรับการสร้างยันต์เกราะเพชร ก็มาใช้ในอีกรูปแบบหนึ่ง ก็คือมีทั้งใช้ในการอ่านลงตรง ๆ และมีการอ่านตามขวางด้วย ถ้าอ่านลงตรง ๆ ก็คือ อิ ติ ปิ โส ภะ คะ วา อะ เป็นต้น ถ้าอ่านตามขวาง ก็ยังใช้อ่านแบบเดิมก็คือ อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง ฯลฯ
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ จะว่าไปแล้วก็เป็นเบื้องต้นในการที่จะช่วยให้เราทั้งหลายทรงสมาธิจิตได้ง่าย เพราะว่ามีเรื่องของคาถา มีเรื่องของเลขยันต์มาช่วยโยงจิตด้วย ลำพังถ้าให้เรากำหนดภาวนา บางทีก็ไม่รู้จะยึดมั่นอะไร ลมหายใจเข้าออกก็เป็นของละเอียดเกินไป ยากที่จะกำหนดจดจำได้
โบราณาจารย์ท่านจึงได้กำหนดในเรื่องของการภาวนาพระคาถาต่าง ๆ อย่างเช่นว่าอาจจะมีการภาวนา ๗ คาบ ๙ คาบ หรือว่า ๑๐๘ คาบเป็นต้น คำว่า "คาบ" ในที่นี้ก็คือ "จบ" ๙ คาบคือ ๙ จบ
แต่ว่าบางท่านก็กำหนดเอาไว้ว่า ภาวนาทั้ง ๙ คาบภายในชั่วลมหายใจเดียว ภาวนา ๑๐๘ คาบภายในชั่วลมหายใจเดียว เป็นต้น ซึ่งในช่วงนั้น เราจะต้องสามารถทรงสมาธิจิตระดับสูงได้แล้วถึงจะทำได้ เพราะว่าสภาพจิตภายในที่ดำเนินไปนั้น ต้องการให้เร็วเท่าไรก็เร็วเท่านั้นได้ ไม่ใช่คนปกติทั่ว ๆ ไป ที่จะกลั้นหายใจแล้วภาวนาได้ ๑๐๘ จบ เป็นต้น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2024 เมื่อ 02:56
|