๒. ถือผ้าสามผืนเป็นวัตร อันได้แก่ สบง จีวร และสังฆาฏิเท่านั้น ในปัจจุบันนี้จะมีเพิ่มเติมขึ้นมาก็คืออังสะ เพราะว่าเป็นผ้าซับเหงื่ออยู่ภายในอีกผืนหนึ่ง กระผม/อาตมภาพเองก็เคยถือแบบนั้นมาหลายปี แม้แต่ในปัจจุบันนี้ก็ยังถือแบบนี้อยู่
หมวดที่ ๒ เรียกว่าปิณฑปาตปฏิสังยุตต์ เกี่ยวข้องกับการบิณฑบาต หาอาหารเลี้ยงชีพ ประกอบไปด้วย ๑. การถือบิณฑบาตเป็นวัตร ก็คือบริโภคอาหารเฉพาะที่ออกบิณฑบาตแล้วได้รับมาเท่านั้น ไม่รับกิจนิมนต์ไปฉันตามบ้าน
๒. ถือบิณฑบาตตามลำดับบ้านเป็นวัตร ไม่เลือกที่รังมักที่ชัง ไม่เลือกบ้านคนรวยคนจน ไม่ว่าอาหารจะดีหรือไม่ดี ใครใส่บาตรก็รับไปตามลำดับ ไม่ข้ามบ้านที่ไม่ถูกใจไป
๓. ถือการฉันอาสนะเดียวเป็นวัตร ก็คือแต่ละวันจะบริโภคอาหารเพียงครั้งเดียว เมื่อฉันเสร็จแล้วก็จะไม่บริโภคอาหารอะไรอีก นอกจากน้ำดื่ม ซึ่งปัจจุบันนี้บางทีพูดกันให้เข้าใจง่าย ๆ ว่า "ฉันเอกา"
๔. ถือฉันในบาตรเป็นวัตร ได้แก่ นำอาหารทุกชนิดที่จะบริโภค มาคลุกเคล้ารวมกันในบาตรแล้วฉัน เพื่อไม่ให้ติดในรสชาติของอาหาร กระผม/อาตมภาพปฏิบัติมาหลายปี ขอยืนยันว่าอาหารที่คลุกรวมกันนั้น กลับอร่อยกว่าปกติเสียอีก..!
๕. ถือการห้ามภัตที่มาภายหลังเป็นวัตร ได้แก่ เมื่อรับอาหารจนมากพอแล้ว ก็จะไม่รับอาหารอะไรเพิ่มอีก ภายหลังมีใครนำอะไรมาถวาย แม้ว่าจะเป็นของอร่อยเพียงไหน ก็จะไม่รับเพิ่มขึ้นมา ดังนั้น..ในส่วนนี้ก็เกี่ยวข้องกับภัตตาหารเลี้ยงชีพเท่านั้น
หมวดที่ ๓ ก็คือเสนาสนปฏิสังยุตต์ เกี่ยวข้องกับที่อยู่ที่อาศัย ก็คือ ๑. ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร จะไม่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเลย ไปอาศัยตามหลืบเขา ตามเงิบผาบ้าง ตามถ้ำบ้าง หรือว่าใต้ต้นไม้บ้าง
๒. ถือการอยู่โคนไม้เป็นวัตร จะอาศัยเฉพาะโคนไม้เท่านั้น ไม่อยู่ภายใต้สิ่งที่มีหลังคาสร้างมุงบังขึ้นมา แต่ว่าถ้าถือข้อนี้ในฤดูฝนก็จะลำบากมาก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-02-2024 เมื่อ 01:59
|