สำหรับท่านที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ก็ไม่ได้ดูว่าตนเองมีสมณศักดิ์สูงกว่า หากแต่ว่ายึดถือตามพระวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือเคารพกันตามพรรษา แต่บางท่านที่ยังมีกิเลสอยู่ เอาสมณศักดิ์ไปข่มคนอื่นก็มี แม้ว่าจะเป็นส่วนน้อย แต่ก็อาจจะทำให้เกิดความมัวหมองขึ้นมาได้
สำหรับสมณศักดิ์ชั้นพระครูนั้น มีทั้งพระครูประทวน และพระครูสัญญาบัตร คำว่าพระครูประทวนนั้น สมัยก่อนท่านถวายให้สำหรับพระภิกษุซึ่งเป็นครูสอนพระปริยัติธรรมอย่างหนึ่ง ต่อให้ไม่ได้เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม แต่รับหน้าที่อบรมสั่งสอนพระภิกษุสามเณร ตลอดถึงฆราวาสอย่างหนึ่ง แต่คราวนี้พระครูประทวนนั้นไม่มีพระราชทินนาม อย่างหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม เมื่อได้รับพระราชทานตั้งเป็นพระครูประทวน ก็ต้องเรียกว่าพระครูกวยเท่านั้น
แต่ถ้าว่าเป็นพระครูสัญญาบัตร จะมีสัญญาบัตรประกอบมาด้วย ว่าแต่งตั้งบุคคลผู้นี้เป็นสมณศักดิ์อะไร ก็คือมีพระราชทินนามพระราชทานมาพร้อม จึงทำให้ในปัจจุบันนี้พระครูประทวนแทบจะสูญไปจากโลกแล้ว เนื่องเพราะว่าครูสอนพระปริยัติธรรมบางสำนักก็มีหลายสิบรูป แล้วส่วนใหญ่คุณสมบัติก็เกินพระครูสัญญาบัตรด้วย อย่างเช่นว่าเป็นเปรียญเอก ตั้งแต่ประโยค ๗ ประโยค ๘ ประโยค ๙ ซึ่งโดยปกติก็นั่งหน้าพระครูสัญญาบัตรอยู่แล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ปัจจุบันนี้จึงมีแต่พระครูสัญญาบัตรและพระราชาคณะ
ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ นั้น ในระยะแรกก็ถือการแต่งตั้งพระราชาคณะ หรือพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศ แก่พระราชาคณะเป็นพระราชประสงค์เฉพาะพระองค์ แต่ปัจจุบันนี้ก็ได้มอบหมายคืนให้กับทางมหาเถรสมาคมทำการพิจารณาคัดเลือก แต่ก็ยังมีบุคคลที่ทรงโปรดเป็นพิเศษ ได้รับพระราชทานตั้งเป็นพระราชาคณะอยู่เนือง ๆ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-02-2024 เมื่อ 02:58
|