ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 01-02-2024, 00:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,943 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ที่กระผม/อาตมภาพเคยบอกเอาไว้ว่า การศึกษาวิชาการต่าง ๆ นั้น ลูกศิษย์ได้ไปเต็มที่ก็ไม่เกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์ของครูบาอาจารย์ เมื่อถ่ายทอดต่อไป ก็อยู่ในลักษณะเดียวกัน ก็คือถ้า ๘๐ เปอร์เซ็นต์ของเรา นับว่าเป็น ๑๐๐ ลูกศิษย์ที่รับช่วงต่อจากเราไป ก็ได้ไปประมาณ ๘๐ เท่านั้น มีวิธีเดียวที่จะให้ได้เต็มร้อย ก็คือเราต้องใช้ความเพียรพยายามเกิน ๑๐๐ อาจจะต้องถึง ๑๒๐ , ๑๕๐ หรือว่า ๒๐๐ ไปเลย จึงจะได้ความรู้ความสามารถเท่ากับครูบาอาจารย์

แต่คราวนี้พวกเราขาดความเพียรอย่างหนักมาก เหนื่อยหน่อยก็เลิก ลำบากหน่อยก็หยุด เชื่อกิเลสมากกว่าเชื่อพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านให้สละชีวิตเพื่อธรรม แต่กิเลสบอกว่าไม่ได้ เราต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป แล้วเราก็เชื่อกิเลส ไม่ได้เชื่อพระพุทธเจ้า จึงไม่มีการทุ่มเทกับการปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่เต็มทาง โอกาสที่พวกเราจะเข้าถึงมรรคถึงผลจึงเป็นเรื่องที่ยากมาก

กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่าเรื่องของมรรคผล ยังไม่พ้นยุคพ้นสมัย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงยืนยันเอาไว้ในมหาปรินิพพานสูตร ทีฆนิกาย พระสุตตันตปิฎกว่า ตราบใดที่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังสมบูรณ์บริบูรณ์อยู่ ตราบนั้น พระอริยเจ้าที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ก็ยังคงมีอยู่เป็นปกติ แต่ในเมื่อพวกเราทำเหมือนอย่างกับแก้บน ก็คือไม่จริงไม่จัง ทำตัวเหมือนกับคนมีเวลามาก ซึ่งนั่นไม่ใช่วิสัยของบุคคลที่ปฏิบัติธรรมเพื่อความพ้นทุกข์

ถ้าหากว่าเราไปนึกถึงอรรถกถาจารย์ที่ท่านเปรียบเทียบเอาไว้ว่า "บุคคลที่ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรม ถ้ามีจำนวนเท่ากับขนของวัวตัวหนึ่ง บุคคลที่สามารถล่วงพ้นจากกองทุกข์ได้ ก็มีจำนวนเท่ากับเขาวัวเท่านั้น" วัวตัวหนึ่งมีขนเป็นหมื่นเป็นแสนเส้น แต่มีเขาแค่สองข้าง จำนวนจึงต่างกันอย่างมหาศาล ก็แปลว่านอกจากที่เราจะต้องใช้ความเพียรอย่างเต็มที่แล้ว ยังต้องทำอย่างไรเพื่อเป็นเขาวัวให้ได้..!

โอกาสที่จะเข้าถึงมรรคถึงผลของแต่ละท่าน แต่ละรูป มีมากน้อยตามจังหวะของกุศลกรรมและอกุศลกรรมที่เข้ามาสนอง ถ้าในช่วงที่กุศลกรรมเข้ามาสนอง เราไม่รีบกอบโกยเอาไว้ให้มากที่สุด ถ้าอกุศลกรรมเข้ามาสนองเมื่อไร ก็มีแต่จะชักนำเราให้ถอยห่างจากความดีไปเท่านั้น ก็แปลว่าเราทิ้งโอกาสอันดีงามไปด้วยตนเอง แล้วทุกครั้งก็เป็นเช่นนี้..!

ถ้าพวกท่านรู้จักสังเกตจะเห็นว่า บางขณะที่กำลังใจของเราทรงตัว กำลังสมาธิตั้งมั่น สติปัญญาแจ่มใสแหลมคม เราจะรู้สึกมีความสุขมาก อารมณ์ใจเหมือนจะเหาะจะบินได้เสียเดี๋ยวนั้นเลย แต่พริบตาต่อมาก็หกคะเมนเกนเก้ จากเทวดากลายเป็นหมาอีกแล้ว..! แต่ไม่เคยพิจารณาว่าทำไมอยู่ ๆ จากเทวดาจึงกลายเป็นหมา..?! เราพลาดที่ตรงไหน จะได้ระมัดระวังไว้ ไม่ให้พลาดตรงจุดนั้นอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-02-2024 เมื่อ 02:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา