วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๓๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพเจองานประชุมต่อเนื่องกันหลายชั่วโมง เพราะว่านอกจากมีงานประชุมคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรีแล้ว ยังมีงานประชุมพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ด้วย แล้วทางสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรียังขอประชุมย่อย เพื่อเตรียมเปิดตัวชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน ซึ่งได้รับรางวัล ๑๐ สุดยอดชุมชนคุณธรรม ตามโครงการเที่ยวชุมชน ยลวิถี ประจำปี ๒๕๖๖ พออยู่ในห้องปรับอากาศนาน ๆ ก็ไข้จับตามปกติ..!
คราวนี้ในส่วนนี้ไม่ขอกล่าวถึง ส่วนที่จะกล่าวถึงก็คือ ในระหว่างที่เดินทางไปประชุม มีพระท่านขอรายงานเรื่องของพระรูปหนึ่งว่าต้องอาบัติหนัก เพราะว่าไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิง ถึงขนาดตำรวจต้องออกหมายจับ เพราะว่าผู้หญิงยังเป็นเยาวชนอยู่ แต่คราวนี้ก่อนที่ท่านจะรายงานผม ดันไปคุยเรื่องนี้เสียเต็มที่กับน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ก็เลยรับฟังไปเต็มสองหู คนคุยก็น่าจะเรียนมากจนเกินไป เพราะว่าเรียนปริญญาโทสองใบ ปริญญาเอกสองใบ ก็เลยลืมพระวินัยไปว่า "ภิกษุบอกอาบัติชั่วหยาบของภิกษุอื่นแก่อนุปสัมปัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์..!"
ถ้าท่านทั้งหลายสังเกตจะเห็นว่า กระผม/อาตมภาพตัดสินคดีเรื่องที่ "ทิดคอม" อวดอุตริมนุสธรรม ก็คือตัดสินในโบสถ์ ไม่มีอนุปสัมบัน ไม่ว่าจะเป็นสามเณร แม่ชี หรือว่าฆราวาสอยู่ด้วย ก็เพราะว่าต้องระมัดระวังในเรื่องการบอกอาบัติชั่วหยาบของภิกษุอื่นต่ออนุปสัมบัน หรือถ้าหากว่าใครทันรุ่นเก่าที่วัดท่าขนุนยังเป็นศาลาไม้อยู่ ตอนนั้นผมต้องตัดสินคดีที่ "ทิดสุข" ตอนนั้นบวชอยู่ โดนโจทก์ว่าต้องอาบัติสังฆาทิเสส กระผม/อาตมภาพก็ต้องให้ทั้งสามเณร แม่ชี ฆราวาส ลงจากศาลาไปหมดก่อนแล้วค่อยเริ่มต้นพิจารณา
อย่างที่เคยเรียนพวกท่านทั้งหลายไปหลายครั้งแล้วว่า การที่เราต้องระมัดระวังรักษาศีลนั้น ต้องทำให้ได้ถึงระดับว่า แค่ขยับตัวก็รู้แล้วว่าเราจะศีลขาดหรือไม่ ? ไม่อย่างนั้นแล้วก็เอาตัวไม่รอด ถ้าเผลอก็อาจจะโดนอาบัติหนักเข้าไปอีก อย่างเช่นว่าภิกษุว่ายากสอนยาก ภิกษุอื่นห้ามไม่ฟัง สงฆ์สวดประกาศข้อความนั้น ถ้าหากว่าประกาศถึงสามวาระ แปลว่าต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ไม่ใช่ว่าประกาศวาระแรกแล้วไม่โดน วาระสองแล้วไม่โดน ก็ต้องโดนอาบัติตามลำดับไป
คราวนี้ในเรื่องของอาบัติสังฆาทิเสส หรือว่าปาราชิก ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าห้ามบอกต่อนุปสัมบัน คือผู้ที่ศีลน้อยกว่า ไม่ว่าจะเป็นสามเณร แม่ชี หรือว่าฆราวาสทั่วไป ก็เพราะว่าการต้องอาบัติหนักนั้นเสียหายถึงส่วนรวม คือพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะจะเป็นเหตุให้ญาติโยมฟังแล้วเสื่อมศรัทธา จึงต้องระมัดระวังไว้ให้มาก ไม่ใช่ว่าพอรู้แล้วก็ประกาศออกโซเชียลไปเลย สมัยนี้อาบัติตามเข้าไปถึงในมุ้ง ก็เพราะโทรศัพท์มือถือที่ท่านทั้งหลายมีอยู่นั่นแหละ..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-01-2024 เมื่อ 02:38
|