ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 23-01-2024, 00:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพียงแต่ว่าพวกกระผม/อาตมภาพนั้น หลังจากที่ฝึกปฏิบัติไปนาน ๆ แล้ว เท่าที่สอบถามจากพี่ ๆ น้อง ๆ ในยุคนั้นทั้งหมด ท้ายสุดก็เหลือคาถาบทเดียวกัน คือ "กูไม่เชื่อ" เพราะว่าเผลอเมื่อไรก็จะโดนหลอกทันที แล้วการหลอกนั้น ความจริงก็คือการทดสอบกำลังใจของเรา เพียงแต่ว่าเรามักจะรู้ไม่เท่าทันว่านั่นคือข้อสอบ เนื่องจากว่ามาในแง่มุมที่ไม่เคยซ้ำกันเลย กว่าจะรู้ตัวก็โดนหลอกหัวทิ่มหัวตำ จิตตก สมาธิตก กรรมฐานแตก ต้องตะเกียกตะกายปฏิบัติใหม่กันเป็นสิบวัน ครึ่งเดือน หรือเป็นเดือน ๆ ตามแต่อาการหนักเบาของแต่ละคน กว่าที่จะทรงตัวได้เหมือนเดิม

เมื่อโดนจนกระทั่งเข็ด ไม่อยากที่จะหกล้มหกลุกอีกแล้ว ก็ใช้วิธีเมิน เลิกเชื่อ เลิกสนใจ ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติในเรื่องของ ศีล สมาธิ ปัญญา แทน พยายามทบทวนศีลของตนเองให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ซักซ้อมสมาธิให้เข้าออกได้คล่องตัวทุกเวลาที่ต้องการ ท้ายสุดก็ใช้ปัญญาพิจารณาว่า ตราบใดที่เรายังเกิดอยู่ เราก็ต้องทุกข์อย่างนี้อีก ขึ้นชื่อว่าการเกิดแบบนี้จะไม่มีสำหรับเราอีก แล้วเอากำลังใจเกาะภาพพระ หรือว่าเกาะอารมณ์พระนิพพานแทน ทำให้สามารถที่จะลอยตัวอยู่เหนือกิเลสต่าง ๆ ได้ชั่วคราว

ถ้าหากว่าเผลอเมื่อไรก็ตกลงไปในวังวนกิเลสใหม่ แต่ว่าถ้าทำถึงระดับนั้นได้แล้ว ก็จะเหมือนกับมีพื้นฐานรองรับ ก็คือจะตกไม่นาน เริ่มเคยชิน เริ่มหน้าด้าน กำลังใจตกก็ตั้งต้นใหม่เดี๋ยวนั้นเลย แล้วท้ายที่สุด เมื่อเราไม่หวั่นไหว ไม่สะทกสะท้าน การตกแบบนั้นก็จะไม่เกิดขึ้นอีก แต่ว่าเป็นเรื่องที่พวกเราต้องใช้ความเพียรพยายามเป็นอย่างสูง

บรรดานิสิตที่ไปปฏิบัติธรรมในวันนี้เป็นการไปโดยหลักสูตรบังคับ ไม่ใช่กำลังใจที่แท้จริง แต่ถ้าหากว่าใครตั้งใจ อาจจะได้ประโยชน์ที่คิดไม่ถึง ส่วนท่านที่ไม่ตั้งใจ ก็ได้มากน้อยไปตามสิ่งที่ตนเองกระทำ เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็ขึ้นอยู่กับบุญกับกรรมของแต่ละคน ถ้าช่วงของกุศลเข้ามาส่ง ก็อาจจะได้ดีจนคิดไม่ถึง ถ้าช่วงของอกุศลเข้ามาขวาง ก็อาจจะกลายเป็นโทษ เพราะว่าไปนึกตำหนิติเตียนด่าว่าอยู่ในใจตลอดเวลา สภาพจิตใจแทนที่จะผ่องใส ว่างจากกิเลสชั่วคราวจากการปฏิบัติธรรม กลับกลายเป็นแบกกิเลสหนักขึ้น ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ต้องใช้คำว่า "ตัวใครตัวมัน..!"

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๒๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-01-2024 เมื่อ 02:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา