นี่คือความเป็นจริงแท้ของร่างกายนี้ว่า ที่ทรงอยู่ได้เพราะมีกระดูกเป็นโครงคอยค้ำยันอยู่ มีเส้นเอ็นร้อยรัดเอาไว้ ฉาบทาด้วยเลือดเนื้อ ประกอบด้วยอวัยวะภายในภายนอก เป็นสิ่งที่หลอกตาเราอยู่เท่านั้น ถ้าหากว่าถลกหนังออกไปเท่านั้น ก็ไม่มีใครปรารถนาอีกแล้ว หรือว่าสิ่งสกปรกที่หลั่งไหลออกมาจากทวารต่าง ๆ ในร่างกายของเรา ถ้าหากว่าไม่ชำระสะสางสักสองวันสามวัน แม้แต่ตัวเราเองก็ยังทนไม่ได้..!
ครั้นโครงกระดูกนี้โดนแดดเผา โดนฝนชะ โดนลมพัดโกรก ก็ค่อย ๆ เก่าลง ๆ เส้นเอ็นเปื่อยสลายไป กะโหลกศีรษะกลิ้งไปทางหนึ่ง กระดูกกรามหลุดไปทางหนึ่ง กระดูกฟันทั้งหลายหลุดเรี่ยรายไป กระดูกต้นคอที่เป็นข้อ ๆ หลุดไป กระดูกไหปลาร้าที่เหมือนสามเหลี่ยมสองอันหลุดไป กระดูกหัวไหล่ กระดูกต้นแขน กระดูกข้อศอก กระดูกท่อนแขน กระดูกข้อมือ กระดูกฝ่ามือ กระดูกนิ้วมือเป็นข้อ ๆ ตลอดจนเล็บมือ ก็หลุดกระจัดกระจายไป กระดูกสันหลัง ซึ่งโดนโยงติดกับกระดูกหน้าอกด้วยซี่โครง ในส่วนนั้นก็หลุดกลิ้งเป็นวง ๆ ไป
กระดูกบั้นเอวที่ทำให้เราก้ม ๆ เงย ๆ ได้ก็หลุดเป็นข้อ ๆ ไป กระดูกเชิงกรานที่เป็นเบ้าใหญ่ เป็นส่วนประกอบของก้นกบ ตลอดจนกระทั่งกระดูกต้นขาก็หลุดไป เมื่อมาถึงกระดูกต้นขา กระดูกหัวเข่า กระดูกหน้าแข้ง กระดูกข้อเท้า กระดูกส้นเท้า กระดูกฝ่าเท้า กระดูกนิ้วเท้า ตลอดจนเล็บเท้า ก็กระจัดกระจายไป ผ่านกาลเวลา โดนแดดเผา โดนฝนซัด โดนลมโกรก ค่อย ๆ เก่าลง ๆ ค่อย ๆ เปื่อย ผุ พัง ท้ายสุดก็จมดินหายไป ไม่เหลืออะไรเป็นเราเป็นของเราแม้แต่น้อยหนึ่งเลย..!
เมื่อเห็นชัดเจนเช่นนี้ ก็ให้ถอนความยึดมั่นถือมั่นในร่างกายนี้ออกมา ถ้า สติ สมาธิ ปัญญา เพียงพอ ท่านทั้งหลายก็จะตัดกิเลสได้ในระดับใดระดับหนึ่ง สามารถที่จะก้าวเข้าใกล้พระนิพพาน หรือถ้าตัดได้เด็ดขาดเป็นสมุจเฉทปหาน ก็จะล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานไปเลย
แต่ว่าท่านทั้งหลายเมื่อพิจารณาแล้วเป็นการกระจายออก บางท่านก็ทำผิดวิธี ก็คือปล่อยทิ้งกายสังขารนี้ ไม่ดูไม่แลไปเลย เพราะเห็นว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2024 เมื่อ 02:24
|