ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 28-12-2023, 23:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ปัญหาจะอยู่ตรงที่ว่า ถ้าภิกษุทำสังฆกรรมอยู่ แล้วมีอนุปสัมบัน คือบุคคลที่ศีลน้อยกว่า เข้ามาอยู่ในสังฆกรรมนั้น สังฆกรรมนั้นจะเสียหมด ทำไปก็ไม่เกิดผล ถ้าบวชพระก็ไม่ใช่พระ ถ้าหากว่าเราไม่มีการสวดถอนก่อน สมมติว่าพื้นที่เดิมเขาอาจจะสวดไว้เมื่อพันปีที่แล้ว เป็นแนวยาวตามขวาง

แล้ววิสุงคามสีมาที่ในหลวงทรงพระราชทานให้ในปัจจุบันเป็นแนวตั้ง ถ้าเราทำสังฆกรรมอยู่ตรงแนวตั้งนี้ แล้วมีฆราวาสอยู่ในแนวนอน หรือมีสามเณรอยู่ในแนวนอน ก็บรรลัยเลย เพราะว่าเป็นสีมาสังกระ คือคาบเกี่ยวกัน ของใหม่คาบเกี่ยวกับของเก่า ในเมื่อสีมาซ้อนทับกันอยู่ ก็แปลว่าเขตทั้งแนวตั้งและแนวนอนนั้นคือสีมาทั้งหมด

ดังนั้น..ถ้าหากว่าเขตใหม่ไม่มีอนุปสัมบันอยู่ แต่เขตเก่าดันมีนั่งอยู่กันเพียบเลย ก็แปลว่าสังฆกรรมนั้นเสีย บวชพระก็ไม่เป็นพระ สวดอัพภานก็คืนความเป็นสงฆ์ให้ไม่ได้ จึงต้องมีการสวดถอนให้แน่นอนเสียก่อนว่า บริเวณนั้นไม่คาบเกี่ยวกับสีมาใด ถอนทิ้งไปเลย ถามว่าเอาอะไรมาถอน ? ก็คือใช้อำนาจของคณะสงฆ์ที่พระพุทธเจ้าได้ให้เอาไว้ อย่าลืมว่า โย โส สังเฆนะ สงฆ์ทั้งหลาย พอสวดเสร็จแล้วท่านสาธุ ก็เป็นอันว่าเห็นด้วยทั้งหมด

ดังนั้น..ในเรื่องพวกนี้ ถ้าหากว่าเราอยู่นานไป จะช้าจะเร็ว เราก็ต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ จะต้องมีการสวดถอน แล้วก็สวดสมมติ หรือที่เขาเรียกว่า "สวดญัติ" กันใหม่ คำว่า "ญัต" ในที่นี้หมายถึง "ญัตติ" ก็คือข้อที่ตั้งขึ้นมา ประกาศในท่ามกลางสงฆ์ว่าจะทำอะไร ถ้าไม่มีผู้ใดคัดค้าน ประกาศแล้วถือว่าตามนั้น ปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่แล้วเขาจะให้ระดับเจ้าคณะอำเภอหรือว่ารองเจ้าคณะอำเภอ เป็นคู่สวดในการสวดถอน หรือว่าสวดสมมติพัทธสีมา แต่พวกเราที่เป็นคู่สวดแล้ว ถ้าสวดเอาไว้ได้ก็จะดี เพราะไม่รู้ว่า "ความเฮง" จะมาถึงตัวเมื่อไร..!?

เดี๋ยวจะเหมือนกระผม/อาตมภาพ นิมนต์พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่ามะขาม - พระเทพเมธากร (ณรงค์ ปริสุทโธ ป.ธ.๔) อดีตเจ้าอาวาสวัดท่ามะขาม อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี มาเป็นพระอุปัชฌาย์ กราบเรียนท่านไปแล้วว่า "ให้นำคู่สวดมาด้วย" แต่ปรากฏว่าท่านไม่ได้นำคู่สวดมา ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านก็หันมาถามว่า "อาจารย์เล็ก สวดได้ไหม ?" กราบเรียนว่า "ได้ครับ แต่ว่าผมไม่มีตราตั้งคู่สวด" ท่านบอกว่า "ไม่เป็นไร สวดไปก่อน" ในเมื่อบุคคลที่เป็นผู้แต่งตั้งอนุญาตให้สวดก่อน กระผม/อาตมภาพก็ต้องสวด เท่ากับว่าสอบการสวดกรรมวาจาอุปสมบทต่อหน้าเจ้าคณะจังหวัด พอสวดเสร็จ ท่านเห็นว่ามีความคล่องตัวแล้ว ท่านก็ออกตราตั้งให้เลย..!

คราวนี้ถ้าหากว่าพวกเราสวดเป็นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการสวดนาค สวดอัพภาน สวดกฐิน หรือว่าสวดถอน สวดญัตพัทธสีมา ก็ถือว่าลอยตัว ไปงานไหนก็ไม่ต้องหวาดระแวงว่าเขาจะเรียกเราหรือเปล่า ? เพราะว่าถ้ายิ่งอยู่นานไป อาวุโสยิ่งมาก ถึงเวลาเขาทั้งหลายเหล่านั้นก็จะให้เกียรติโดยอัตโนมัติ แต่ถึงเวลาแล้ว ผู้ที่อาวุโสพรรษามาก แต่กลับไม่สามารถทำหน้าที่ได้ ก็ขายหน้าคนอื่นเขา..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-12-2023 เมื่อ 00:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา