ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 23-12-2023, 21:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,678
ได้ให้อนุโมทนา: 152,056
ได้รับอนุโมทนา 4,417,123 ครั้ง ใน 34,268 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

บุคคลที่ได้รับการยกเว้นว่าสามารถใส่รองเท้าได้นั้น หนึ่ง..ต้องเจ็บไข้ได้ป่วย สอง..เป็นบุคคลที่อยู่ในเครื่องแบบเตรียมพร้อม อย่างเช่น ตำรวจ ทหาร ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ถ้าเป็นของทองผาภูมินี้ กระผม/อาตมภาพยกเว้นให้แม่ค้าขายปลาด้วย เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าทุกคนนอกจากต้องแต่งตัวเต็มยศ ก็คือผูกผ้ากันเปื้อนที่เป็นชนิดกันน้ำแล้ว ยังต้องใส่รองเท้ายางสูงถึงเข่า เพื่อป้องกันไม่ให้เท้าโดนน้ำจนเปื่อย ทำให้การถอดเข้าถอดออกนั้นยากมาก แล้วบรรดาแม่ค้าปลาของอำเภอทองผาภูมิส่วนใหญ่ ก็ใส่บาตรเสียแทบทุกคน ดังนั้น..ถ้าหากว่าท่านใดไม่ได้ถอดรองเท้า กระผม/อาตมภาพถือว่ามีเหตุผลที่เพียงพอจะให้อภัย

แต่สำหรับท่านอื่น ๆ แล้ว พระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุนก็มักจะเห็นกระผม/อาตมภาพนั้นเดินผ่านไปเฉย ๆ เสมอ แม้ว่าอีกฝ่ายจะทักท้วงให้หยุดเพื่อรอรับบาตร กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ใส่ใจ
เพราะว่ารับไปก็สร้างความเสียหายให้กับทั้งตนเองและญาติโยม แล้วเสียหายใหญ่ไปถึงพระพุทธศาสนาด้วย

อีกรายหนึ่ง อยู่ตรงหน้าตลาดสดเลย มัวแต่ไลฟ์สดว่าตนเองใส่บาตร จนกระทั่งกระผม/อาตมภาพเห็นว่า คงจะจ่อกล้องอยู่กับอาหารในมืออีกนาน จึงเดินเลยไป แต่ว่าบุคคลผู้นั้นก็คงจะตั้งใจใส่บาตรให้ได้ จึงเบียดกระแทกเข้าไปในแถวคนอื่น เพื่อที่จะใส่บาตร
กระผม/อาตมภาพให้ทัน..!

ตรงนี้ก็สร้างความเสียหายให้แก่คนอื่นเช่นกัน เนื่องเพราะว่าบุคคลที่กำลังตั้งใจใส่บาตร เมื่อโดนกระแทกเข้า อาจจะเกิดโทสะขึ้นมา การทำบุญผสมโทสะ ถ้าหากว่าเป็นบุญขั้นต่ำ แทนที่จะได้เกิดเป็นเทวดานางฟ้ากับเขา ก็ต้องไปเกิดเป็นอสูร เพราะว่าทำบุญแล้วมีโทสะ แบบอสุรินทราหู จอมอสูรนั่นเอง

อีกประการหนึ่งก็คือการใส่บาตร หรือว่าการทำทานนั้น อันดับแรก ก่อนทำเรามีความปลื้มปีติว่า "เราจะได้ให้ทาน" ในระหว่างที่ทำมีความปลื้มปีติว่า "เรากำลังได้ให้ทาน" หลังจากที่ได้ทำแล้ว มีความปลื้มปีติว่า "เราได้ให้ทานแล้ว" ภายหลังเมื่อนึกถึงเมื่อไร ก็เกิดความปลื้มปีติว่า "เราได้ให้ทานในครั้งนั้น ๆ" ถ้าลักษณะกำลังใจเป็นแบบนี้ บุญของท่านก็จะเต็ม ๑๐๐ ส่วน

หรือว่าถ้าเจตนาในการให้ทานของท่านบริสุทธิ์ ก็คือตั้งใจจะสละออก เพื่อสงเคราะห์ต่อพระภิกษุสามเณร หรือบุคคลอื่น

วัตถุทาน คือสิ่งของที่ท่านจะให้นั้น ได้มาโดยบริสุทธิ์ คือมาจากน้ำพักน้ำแรง หรือทรัพย์สมบัติของตนเอง ไม่ได้ลักขโมย หยิบฉวยช่วงชิง หรือฉ้อโกงผู้ใดมา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-12-2023 เมื่อ 03:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา