ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 03-12-2023, 01:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,653 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สมัยที่กระผม/อาตมภาพทุ่มเทให้กับการปฏิบัติธรรม ช่วงที่เป็นฆราวาสก็มีคู่แข่ง ซึ่งเป็นผู้หญิงด้วย เป็นคนที่เก่งมาก ถ้ากระผม/อาตมภาพทำอะไรได้ภายในวันสองวัน เขาก็จะทำแบบนั้นได้ แล้วเมื่อนำมาบอกกล่าวกัน ก็จะยันกันอยู่แค่นั้นทุกครั้ง ก็คือเขาทำได้เท่าไร เราทำได้เท่านั้น เราทำได้เท่าไร เขาก็ทำได้เท่านั้น

จนกระทั่งบางทีอีกฝ่ายก็เริ่มรู้สึกว่า กระผม/อาตมภาพกำลังหลอกอำเขาอยู่หรือเปล่า ? ก็คือน่าจะทำได้มากกว่านี้ แต่ไม่ยอมบอก เพราะว่าพอเขาทำได้มากขึ้น แล้วพูดมา ก็จะตรงกันทุกครั้ง สิ่งนี้จะเป็นตัวกระตุ้นว่า เรามีคู่แข่งขันที่มุ่งเป้าหมายเดียวกัน จึงทำให้ต้องขยัน ขี้เกียจไม่ได้

เมื่อมาบวชเป็นพระ ได้รุ่นพี่ดี ก็คือท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ตอนนั้นท่านเป็นพี่เลี้ยงให้ แล้วก็มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์อยู่ ๓ - ๔ รูป หลังจากกรรมฐานรอบค่ำแล้ว เมื่อไปนั่งฉันน้ำปานะกัน ก็จะมีวิเคราะห์วิจัยกันว่า สิ่งที่เราทำมาถูกหรือผิดประการใด ท่านที่มีประสบการณ์มากกว่าก็จะแนะแนวทางให้ แล้วทำให้ผู้อื่นสามารถก้าวเดินตามไปได้ง่ายมาก

บางเรื่องที่วิเคราะห์วิจัยกัน เชื่อว่าท่านทั้งหลายไม่เคยคิดเลย อย่างเช่นว่ามีอยู่วันหนึ่ง เมื่อบิณฑบาตขากลับ มาถึงประตูวัด ก็มีผู้ปฏิบัติธรรมใส่บาตรกันเป็นจำนวนมาก แต่ผู้ปฏิบัติธรรมหญิงผู้หนึ่ง น่าจะไม่ทราบว่าการปฏิบัติธรรมนั้น เขาห้ามตกแต่งร่างกาย ห้ามใช้ของหอม เครื่องย้อม เครื่องทา ก็เลยใส่น้ำหอมมาด้วย ทันทีที่ได้กลิ่น กระผม/อาตมภาพกลั้นหายใจโดยอัตโนมัติ แล้วก็กำหนดใจดูพี่น้องที่เดินตามกันรับบาตร ปรากฏว่าพระสายใต้ทั้ง ๑๑ รูป กลั้นหายใจกันหมดเลย..!

ดังนั้น..เมื่อตอนเย็นหลังการปฏิบัติธรรมแล้ว ก็มานั่งวิเคราะห์กันว่า "การกลั้นลมหายใจแบบนี้ เป็นการใช้ปัญญาหรือเปล่า ? หรือว่าเป็นการหนีปัญหา ?" เห็นหรือยังว่าพวกท่านเคยคิดแบบนี้บ้างไหม ? ท้ายที่สุด..หลังจากที่วิเคราะห์วิจัยกันแล้วพักใหญ่ ก็สรุปได้ว่า เป็นการใช้ปัญญา เพราะรู้ว่าสู้ไม่ได้ เราต้องหลบก่อน อย่างที่หลวงปู่หล้า วัดภูจ้อก้อ ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านเคยบอกไว้ว่า "นักปฏิบัติธรรมอย่าเอาแต่เป็นนักรบอย่างเดียว ต้องรู้จักเป็นนักหลบด้วย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-12-2023 เมื่อ 02:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา