วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ เมื่อวานกระผม/อาตมภาพฟังรายการ "คุยคุ้ยคน" ของคุณหนุ่ม คงกระพัน เกี่ยวกับการติดตามเจ้ากรรมนายเวร ของคุณเมฆ (วินัย ไกรบุตร) หรือชื่อในปัจจุบันก็คือหัฒศนัย ไกรบุตร ว่าสิ่งที่ท่านอาจารย์ไพศาล แสนไชย บอกไปเกี่ยวกับเจ้ากรรมนายเวรนั้น เป็นความจริงหรือว่า "มโน" ไปเอง
ซึ่งกระผม/อาตมภาพติดใจตรงคำว่า "มโน" เพราะว่าคำนี้มาจากคำว่า มโนมยิทธิ หรือมโนมย หรือว่ามโนมัย สำเร็จด้วยใจ กับ อิทธิ ก็คือความสำเร็จนั่นแหละ หรือถ้าแปลอีกศัพท์หนึ่งก็คือฤทธิ์ ก็คือฤทธิ์ที่สำเร็จด้วยใจ
พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านศึกษาวิชานี้มาแล้ว เห็นประโยชน์สูงสุด ก็คือทำให้เรารู้จักพระนิพพานได้ ไปพระนิพพานตรงทั้ง ๆ ที่วิชานี้มีส่วนอันตรายมาก ก็คือถ้าเอาไปใช้ผิด จะเกิดโทษมากกว่าประโยชน์ แต่ว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านมั่นใจว่าลูกศิษย์ของท่านฉลาดพอ ที่จะเลือกเอาในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ละเว้นในสิ่งที่เป็นโทษ แต่ปรากฏว่าตั้งแต่กระผม/อาตมภาพฝึกวิชามโนมยิทธินี้มาตั้งแต่ปี ๒๕๒๑ ปรากฏว่าเห็นลูกศิษย์หลวงพ่อร้อยละ ๙๙.๙๙ เอาไปใช้ผิดหมด..!
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าวิชานี้ เมื่อฝึกได้แล้ว ถ้าเราสามารถที่จะซักซ้อมจนเกิดความคล่องตัว ก็จะรู้อดีต รู้ปัจจุบัน รู้อนาคต รู้ว่าคนและสัตว์ก่อนจะเกิดมาจากไหน ตายแล้วจะไปไหน ระลึกชาติได้ ถ้าหากว่าทำถูกทางจริง ๆ ก็ทำกิเลสให้สิ้นไปได้ และที่สำคัญ รู้ใจคนอื่นว่าคิดอะไรอยู่..!
คราวนี้สิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านย้ำอยู่บ่อย แต่ลูกศิษย์มักจะปล่อยให้เลยไปเฉย ๆ เพราะไม่เห็นความสำคัญ ก็คือมโนมยิทธินั้น "ต้องซักซ้อมอยู่เสมอ" "ต้องเชื่ออารมณ์แรก" โดยเฉพาะเคล็ดลับสำคัญก็คือ "ขอรู้เห็นตามความเป็นจริง"
ในเมื่อสิ่งสำคัญที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านย้ำหนักย้ำหนา แต่ว่าบรรดาลูกศิษย์ไม่ได้ใส่ใจ ไม่เห็นความสำคัญ ถึงเวลาเมื่อเพลิดเพลินเจริญใจ ก็ลืมไปด้วยว่าต้องขอรู้เห็นตามความเป็นจริง ในเมื่อขาดการซักซ้อม สงสัยในอารมณ์แรก ลืมไปว่าต้องขอการรู้เห็นตามความเป็นจริง จึงเข้าป่าเข้าดงไปนับไม่ถ้วนแล้ว ในเมื่อบอกผิดพลาด จนกระทั่งคนเขาเบื่อหน่าย ก็เลยเกิดวลีติดปากว่า "อย่ามามโน" ประมาณว่า "มึงคิดเอาเอง"..!
เรื่องพวกนี้เป็นที่น่าเสียใจและน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ว่าวิชาการที่เลิศคุณค่าขนาดนี้ ก็คือทำให้เรารู้จักพระนิพพานได้ ไปพระนิพพานตรง ถ้าจดจำอารมณ์ที่ปราศจากกิเลสนั้นได้ แล้วเอามาประคับประคองรักษาเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ พอทำไปนาน ๆ สภาพจิตเกิดความเคยชินกับสภาวะหมดกิเลส สภาพจิตของเราก็จะพ้นจากกิเลสไปเองโดยอัตโนมัติ
ถ้าจะว่าไปแล้วก็คือเป็นการหลุดพ้นด้วยเจโตวิมุติ ใช้กำลังใจข่มกิเลสเอาไว้ จนกระทั่งกิเลสเกิดไม่ได้ และหมดสภาพไปในที่สุด
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-11-2023 เมื่อ 02:44
|