ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 31-10-2023, 00:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,696
ได้ให้อนุโมทนา: 152,041
ได้รับอนุโมทนา 4,418,091 ครั้ง ใน 34,286 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

นั่นคือการที่เราตั้งโปรแกรมร่างกายเสียใหม่ ร่างกายที่เป็นลมหรือช็อก ก็เพื่อที่จะรักษาสภาพเอาไว้ เพราะว่าเวลาเราช็อก ความดันจะต่ำ เลือดจะไหลช้า ถ้ามีบาดแผลใหญ่ก็จะได้ตายช้าหน่อย..! ช่วยให้หมอรักษาได้ทัน เป็นระบบอัตโนมัติของร่างกายเราเอง เราก็ต้องตั้งใจใหม่ว่าระดับไหนถึงจะยอมให้ช็อกหรือว่าเป็นลม แต่ว่าเรื่องพวกนี้ถ้าหากว่าเรายังทำไม่ถึงก็แค่ฟัง ๆ เอาไว้ก่อน ถึงเวลาถ้าทำได้เมื่อไรก็จะเข้าใจว่า ที่กระผม/อาตมภาพพูดถึงอยู่นี้หมายถึงอะไร ?

แต่ว่ามีเรื่องตลกอยู่ก็คือ พอเข้าวันที่สอง กำลังภาวนา อยู่ ๆ ก็เกิดนิมิต คำว่านิมิตนี้ไม่ใช่ฝัน ความฝันของเราจะเป็นเรื่องเป็นราว แต่นิมิตนี่มักจะมาแบบไม่มีหัวไม่มีท้าย แล้วชัดเจนเหมือนอย่างกับตัวตนของเราไปเจอด้วยตนเอง อย่างชนิดที่ว่าถ้าโดนใครตีหัวก็จะต้องหลบ นิมิตที่ปรากฏก็คือตัวเองกำลังตักข้าวต้มกับผักกาดดอง แต่ด้วยความที่สติยังสมบูรณ์อยู่ ก็เลยบอกกับตัวเองว่า "อย่าทะลึ่ง ตอนนี้เข้ากรรมฐาน อดข้าวอยู่" ภาพก็เลยหายไป

สมัยก่อนที่ยังอยู่วัดท่าซุง มีเพื่อนรุ่นน้อง ท่านตั้งใจอดบุหรี่ พอถึงวันที่ห้า ท่านบอกว่านิมิตนั้นชัดเจนเหมือนกับทำด้วยตัวเองจริง ๆ ก็คือมือซ้ายคีบบุหรี่ มือขวาจุดไฟแช็ก แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่า "เฮ้ย..เรากำลังอดบุหรี่อยู่..!" ลืมตาขึ้นมา มือยังอยู่ในท่านั้นอยู่เลย นั่นคือนิมิต นิมิตจะชัดเจนมากเป็นพิเศษ เหมือนอย่างกับตัวเราไปสัมผัสเองจริง ๆ ทุกประการ

เพียงแต่ว่าในเรื่องของนิมิตนั้น อย่าไปถือสาหาความอะไรมาก ถ้าหากว่าดี เราก็เก็บไว้เป็นกำลังใจให้ตัวเอง ถ้าไม่ดีก็ลืม ๆ ไปเสีย เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ถ้าเป็นเรื่องไม่ดีที่จะเกิดขึ้น แล้วเรามัวแต่ไปเครียดอยู่ ก็เสียเวลาเปล่า ๆ เพราะว่าอย่างไรเรื่องของนิมิตก็แสดงให้รู้ถึงบุญถึงกรรมที่จะเข้ามา หรือว่าเป็นนิมิตที่เกิดขึ้น เพื่อบอกใบ้บางสิ่งบางอย่างให้เรารู้ ต่อให้เรารู้แล้วจะแก้ไขหรือไม่แก้ไข เรื่องนั้นก็ต้องเกิดแน่ จึงควรที่จะทำใจสบาย ๆ เหมือนอย่างกับไม่รู้อะไรเลย อยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไป เราทำไว้เราก็ต้องรับ เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว

คราวนี้สภาพร่างกายเมื่อผ่านวันที่สองไป ก็เป็นเรื่องปกติ เหมือนกับเครื่องเริ่มติดแล้ว ก็จะไม่รู้สึกรู้สาอะไร อยู่กับการภาวนายาว ๆ ไปเลย ทั้งกลางวันและกลางคืน แม้กระทั่งช่วงเย็นวันที่สาม น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) เอาน้ำผึ้งมานูก้าที่ท่านอาจารย์บ๊ะ (พระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโม) บอกว่าให้เอาไปเผื่อไว้ ช่วงเช้าวันที่สี่ที่ออกมาคือวันนี้ จะได้ฉันแล้วมีกำลัง ปรากฏว่า
กระผม/อาตมภาพก็ปล่อยเอาไว้อย่างนั้นเฉย ๆ จนป่านนี้ก็ลืมไปแล้วว่าวางไว้ตรงไหน..!? ก็คือถ้าร่างกายของเราเคยชินแล้วก็จะไปได้เรื่อย ๆ จะไม่ฉันอย่างนี้ไปนานเท่าไร ก็อยู่ที่เราตั้งใจเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-10-2023 เมื่อ 02:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา